วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ซินโครตรอน อว. ร่วมประชุมฟิสิกส์ระดับชาติ SPC2025 โชว์ศักยภาพสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนใหม่ 3 GeV

 ซินโครตรอน อว. ร่วมประชุมฟิสิกส์ระดับชาติ SPC2025 โชว์ศักยภาพสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนใหม่ 3 GeV 

สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เข้าร่วมการประชุมวิชาการฟิสิกส์ระดับชาติ แสดงศักยภาพในการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนเครื่องใหม่ ระดับพลังงาน 3 GeV พร้อมจัดแสดงต้นแบบแม่เหล็กสำหรับเครื่องเร่งอนุภาคเพื่อผลิตแสงซินโครตรอน และผลงานวิจัยเด่นด้านการแพทย์และอุตสาหกรรมจากการใช้ประโยชน์แสงซินโครตรอนจากเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนที่มีในปัจจุบัน พร้อมรับไม้ต่อในการเป็นเจ้าภาพการจัดงานปีถัดไป




ขอนแก่น – สมาคมฟิสิกส์ไทย ร่วมกับ สาขาวิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดการประชุมวิชาการฟิสิกส์ระดับชาติ ครั้งที่ 20 ประจำปี 2568 (The 20th Siam Physics Congress 2025 :SPC2025) ระหว่างวันที่ 11 – 13 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมพูลแมน จังหวัดขอนแก่น โดยสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนได้ร่วมสนับสนุนการจัดการประชุม และจัดบูธแสดงนิทรรศการผลงานวิจัยของสถาบันฯ โดยนักวิทยาศาสตร์ นักฟิสิกส์เครื่องเร่งอนุภาคของสถาบันฯ ได้รับเชิญบรรยายพิเศษในเรื่องการใช้ประโยชน์แสงซินโครตรอน ภายในการประชุมครั้งนี้ซึ่งมีนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 500 คน 


ดร.พินิจ กิจขุนทด หัวหน้าฝ่ายวิจัยและประยุกต์ใช้แสงซินโครตรอน กล่าวว่า “สถาบันฯ ได้นำต้นแบบแม่เหล็กสี่ขั้วสำหรับเครื่องเร่งอนุภาคของเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนเครื่องใหม่ ระดับพลังงาน 3 GeV มาร่วมจัดแสดงภายในการประชุมวิชาการฟิสิกส์ระดับชาติ พร้อมกับโมเดลจำลองของเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนเครื่องใหม่ ที่จะสร้างภายในพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) จ.ระยอง นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างผลงานเด่นด้านการแพทย์และอุตสาหกรรมจากการใช้ประโยชน์แสงซินโครตรอน จากเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนเครื่องปัจจุบันด้วย” 

ตัวอย่างงานวิจัยที่สถาบันฯ นำไปจัดแสดง เช่น การพัฒนาตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไปเป็นก๊าซมีเทน เพื่อใช้ประโยชน์ด้านพลังงานสะอาดและลดก๊าซเรือนกระจก, การศึกษาสารชีวโมเลกุลจากพืชในการเหนี่ยวนำการตายของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่, การพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องเร่งโปรตอนแบบซินโครตรอนเพื่อการรักษามะเร็งด้วยอนุภาคไอออน, การพัฒนาปั๊มสุญญากาศประสิทธิภาพสูงยุคใหม่ NEG-Ion Combination Pump ที่สามารถสร้างสภาวะสุญญากาศระดับสูงยิ่งยวด เพื่อผลิตชิ้นส่วนสำหรับเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน 3 GeV โดยลดการพึ่งพาอุปกรณ์นำเข้าราคาแพง และสามารถลดต้นทุนลงได้เกือบ 10 เท่า, เครื่องต้นแบบการเคลือบฟิล์มคาร์บอนเสมือนเพชรสำหรับบรรจุภัณฑ์สมัยใหม่ที่ช่วยคงความสดใหม่ของอาหาร สามารถรีไซเคิลได้ และตัวอย่างผลิตภัณฑ์จากความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ เป็นต้น 

ภายในการประชุมครั้งนี้ รศ.ดร.สาโรช รุจิรวรรธน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ยังได้รับตำแหน่งเป็นนายกสมาคมฟิสิกส์ไทยคนใหม่ พร้อมทั้งได้ร่วมเสวนาโต๊ะกลมหัวข้อ “ฟิสิกส์ไทยไปทางไหน” ร่วมกับนักฟิสิกส์จากสถาบันและหน่วยงานต่างๆ โดยนำเสนอในประเด็น “เชื่อมโลกวิชากการกับภาคธุรกิจ สร้างสะพานสู่เวทีโลก” และสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนจะร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน เป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมวิชาการฟิสิกส์ระดับชาติ ครั้งที่ 21 ต่อไป



วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2568

จิตอาสาปลูกกล้าไม้เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ​ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568

 จิตอาสาปลูกกล้าไม้เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ​ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568











นายพีรเมศร์ วุฒิธรเนติรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) เป็นประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนจิตอาสาพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อความสุขของประชาชน พร้อมด้วยพันเอก ดร.ศรัณยู วิริยเวชกุล รองผู้อำนวยการ สพพ. และรองประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนจิตอาสาฯ นำคณะจิตอาสาของ สพพ. เข้าร่วมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ปลูกกล้าไม้เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 โดยนางสาวชลาทิพย์ จันทร์ชมภู ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน ให้การต้อนรับและบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศป่าชายเลนควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการเก็บขยะบริเวณพื้นที่ป่าชายเลน เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ตลอดจนสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรของประเทศ ณ ศูนย์วิจัยทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568

กรมวิทย์ฯบริการ ลงพื้นที่จังหวัดชุมพร เดินหน้า “ยกระดับห้องปฏิบัติการภูมิภาค” หนุนการพัฒนาทุเรียนไทยด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

 กรมวิทย์ฯบริการ ลงพื้นที่จังหวัดชุมพร เดินหน้า “ยกระดับห้องปฏิบัติการภูมิภาค” หนุนการพัฒนาทุเรียนไทยด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เมื่อวันที่ 11–12 มิถุนายน 2568 กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นำโดยนางจันทรัตน์ วรสรรพวิทย์ ผู้อำนวยการสำนักวิทยาศาสตร์บริการ เขต 11 ซึ่งรับผิดชอบภารกิจนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีลงพื้นที่เพื่อสนับสนุนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ ครอบคลุมจังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา กระบี่ และภูเก็ต พร้อมด้วย นายเดช บัวคลี่ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาเครือข่ายวิทยาศาสตร์บริการ และเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่จังหวัดชุมพร เพื่อขับเคลื่อนโครงการ “พัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการทดสอบของหน่วยงานภาครัฐส่วนภูมิภาค” ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยมีนายธราพงษ์ มีมุสิทธิ์ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดชุมพร รศ.ดร.คำรณวิทย์ ทิพย์มณี รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ว่าที่ร้อยตรีสุระศักดิ์  ชัยตาแสง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชุมพร และ ดร.ฐิระ ทองเหลือ คณบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร


จังหวัดชุมพรถือเป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญของการผลิตทุเรียนคุณภาพของประเทศไทย การส่งเสริมให้มีห้องปฏิบัติการที่สามารถตรวจวิเคราะห์สารตกค้างและประเมินคุณภาพทุเรียนได้อย่างแม่นยำตามมาตรฐานสากล จึงเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนการส่งตรวจนอกพื้นที่ เสริมความสามารถในการแข่งขันของเกษตรกรและผู้ประกอบการในท้องถิ่น


กิจกรรมในครั้งนี้ประกอบด้วยการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อจัดทำแผนการสร้างห้องปฏิบัติการทดสอบสารตกค้างในทุเรียน ในพื้นที่จังหวัดชุมพรของสถาบันการศึกษา 3 แห่ง ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์, วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชุมพร, มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ห้องปฏิบัติการของสถาบันเหล่านี้สามารถพัฒนาไปสู่ระดับที่สามารถรองรับการทดสอบทุเรียนและผลผลิตทางการเกษตรอื่น ๆ ได้อย่างเป็นระบบ

นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่บทบาทของกรมวิทยาศาสตร์บริการในฐานะหน่วยงานหลักด้านการส่งเสริมมาตรฐานห้องปฏิบัติการของประเทศ พร้อมเน้นย้ำการทำงานเชิงรุกร่วมกับพื้นที่ เพื่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพ (National Quality Infrastructure: NQI) ที่เข้มแข็งจากรากฐานของชุมชน


การลงพื้นที่จังหวัดชุมพรในครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นการพัฒนาห้องปฏิบัติการในเชิงเทคนิคเท่านั้น หากยังเป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก นำไปสู่ความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนของเกษตรกรและชุมชนท้องถิ่น


#กรมวิทยาศาสตร์บริการ #กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม #กรมวิทย์ฯบริการ #MHESI #DSS #กระทรวงอว #มาตรฐานห้องปฏิบัติการ

ดร.ธิติวัฐ ลุยพื้นที่เขตตรวจ ลำปาง ลำพูน เร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชน

 ดร.ธิติวัฐ ลุยพื้นที่เขตตรวจ ลำปาง ลำพูน เร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชน

ดร.ธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองลงพื้นที่ตรวจความพร้อมและความเหมาะสมของโครงการตามที่จังหวัดขอรับการสนับสนุน เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชนในพื้นที่ จ.ลำปาง และ จ.ลำพูน 

ระหว่างวันที่ 11 - 12 มิถุนายน 2568 ดร.ธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะประธานคณะทำงานกลั่นกรองแผนงาน/โครงการ คณะที่ 1 สำหรับรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) พร้อมด้วย นายพิฆเนศ ต๊ะปวง ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 15 และคณะ ได้ลงพื้นที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค เพื่อตรวจสอบความพร้อมและความเหมาะสมของโครงการที่เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบกลางรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2568 ในส่วนของจังหวัดลำปาง และจังหวัดลำพูน โดยมี นายรังสรรค์ มณีรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลำพูน นายสงวน พงษ์มณี คณะที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) นายกฤษณะ พินิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง และนายปรีชา สมชัย ปลัดจังหวัดลำพูน และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ

โดย นายธิติวัฐ กล่าวว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน จึงได้มอบหมายตนมารับฟังประเด็นปัญหาความเดือดร้อน ซึ่งโดยส่วนใหญ่เกิดจากขาดการพัฒนาและปรังปรุงซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งแก้ไข เตรียมความพร้อมรองรับอุทกภัยและน้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดขึ้น อันส่งผลต่อการใช้ชีวิต การขนส่งและการสัญจร การอุปโภคบริโภค และการเกษตร 


ในการนี้ นายธิติวัฐ และคณะได้ร่วมพิจารณารายละเอียดโครงการให้สามารถแก้ไขปัญหาได้จริงทั้งระบบ และเพื่อป้องกันและบรรเทาอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝนนี้ หากการดำเนินโครงการแล้วเสร็จ จะสามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและเพิ่มขีดความสามารถให้กับประชาชน รวมถึงเพิ่มความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ได้อย่างยั่งยืนต่อไป 

กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดฝึกบาร์เทนเดอร์มืออาชีพ ปีที่ 2 พัฒนาสกิลผสมเครื่องดื่ม – เทคนิคเทคแคร์ลูกค้า รับเทรนด์ท่องเที่ยวไทยโตต่อเนื่อง

 กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จัดฝึกบาร์เทนเดอร์มืออาชีพ ปีที่ 2 พัฒนาสกิลผสมเครื่องดื่ม – เทคนิคเทคแคร์ลูกค้า รับเทรนด์ท่องเที่ยวไทยโตต่อเนื่อง

กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือ บ.ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เร่งพัฒนาบาร์เทนเดอร์มืออาชีพ ปีที่ 2 เปิดโปรแกรมอบรม 5 จังหวัดท่องเที่ยว

นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า บาร์เทนเดอร์ (Bartender) อีกหนึ่งอาชีพที่หลายคนให้ความสนใจในการทำงาน นอกจากเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไร้แอลกอฮอล์ ต้องมีบุคลิกภาพที่ดี เข้าถึงง่าย มีใจรักการบริการ มีความอดทนสูง รับฟังพร้อมกับเข้าใจความต้องการของลูกค้าอีกด้วย ทำให้ค่าตอบแทนสูงตามประสบการณ์  สถานที่ทำงาน  และทักษะ ซึ่งสถานที่ทำงานส่วนใหญ่จะอยู่ตามบาร์ ผับ ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ต เรือสำราญ เป็นต้น ยังมีส่วนในการส่งเสริมและสร้างรายได้แก่ธุรกิจการบริการและท่องเที่ยวของประเทศโดยตรงอีกด้วย กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงมีการยกระดับทักษะอาชีพบาร์เทนเดอร์ ได้ร่วมกับบริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คุณภาพชั้นนำ จัดฝึกอบรมหลักสูตรบาร์เทนเดอร์มืออาชีพ ระยะเวลาการฝึกอบรม 8 ชั่วโมง ในปีแรก (2567) มีผู้ผ่านการฝึกอบรม จำนวน 197 คน


นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับในปีที่ 2 (2568) ทั้งสองหน่วยงานยังคงเดินหน้าจัดฝึกอบรมตามกระแสเรียกร้อง นำร่องฝึกอบรมในพื้นที่ 5 จังหวัดท่องเที่ยวของประเทศ ได้แก่ (1) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 3 ชลบุรี จัดฝึกอบรมวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 (2) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 19 เชียงใหม่ จัดฝึกอบรมวันที่ 4 สิงหาคม 2568 (3) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 21 ภูเก็ต จัดฝึกอบรมวันที่ 18 สิงหาคม 2568 (4) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 6 ขอนแก่น จัดฝึกอบรมวันที่ 12 กันยายน 2568 และ (5) สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 7 อุบลราชธานี จัดฝึกอบรมวันที่ 29 กันยายน 2568 คาดว่าจะมีผู้เข้ารับอบรมไม่น้อยกว่า 500 คน สำหรับผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4 หรือติดต่อผ่าน Inbox เพจ www.facebook.com/dsdgothai




สำหรับหลักสูตรนี้ต้องการให้ผู้เข้ารับการอบรมเรียนรู้ทำความรู้จักกับเครื่องดื่มต่าง ๆ การผสมเครื่องดื่ม การตกแต่งแก้ว การให้บริการ ดูแลเครื่องมือและอุปกรณ์ในบาร์ การจัดการสต็อก และการสร้างประสบการณ์การดื่มที่ดีให้กับลูกค้า เป็นต้น ซึ่งเป็นการยกระดับให้เป็นบาร์เทนเดอร์มืออาชีพที่มีทักษะในการผสมเครื่องดื่มหรือคิดค้นเมนูเครื่องดื่มใหม่ที่ถูกใจลูกค้า ดึงดูดให้กลับมาใช้บริการอีกครั้ง” อธิบดีเดชา กล่าว

ม.รามคำแหงร่วมผลักดันการประชุมสัมมนาการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืนประเทศไทย ครั้งที่ 3 ที่เกาะช้าง ชูนวัตกรรม - ภูมิปัญญา - เทคโนโลยีขับเคลื่อนสู่ Net Zero Tourism

 ม.รามคำแหงร่วมผลักดันการประชุมสัมมนาการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืนประเทศไทย ครั้งที่ 3 ที่เกาะช้าง ชูนวัตกรรม - ภูมิปัญญา - เทคโนโลยีขับเคลื่อนสู่ Net Zero Tourism










ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สกสว. รศ.ดร.ธรรมศักดิ์ ยีมิน ผู้อำนวยการแผนงานการท่องเที่ยวบนฐานมรดกธรรมชาติ การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ประจำปีงบประมาณ 2566-2567 และอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยรามคำแหงพร้อมคณะนักวิจัยร่วมสนับสนุนการประชุมสัมมนาการท่องเที่ยวเกาะอย่างยั่งยืนประเทศไทย ครั้งที่ 3 ณ หาดคลองพร้าว อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด ระหว่างวันที่ 9-11 มิถุนายน 2568 ภายใต้แนวคิด “มหัศจรรย์แห่งเกาะ: ดำรงไว้ซึ่งธรรมชาติที่หล่อเลี้ยงเรา” เนื่องในวันมหาสมุทรโลก ด้วยความร่วมมือของประชาคมชาวเกาะ จำนวน 280 คน จาก 33 เกาะ และองค์กรภาคีเครือข่าย 20 องค์กร ภายในงาน ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุภาวดี โพธิยะราช ร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเกาะสู่สมดุลใหม่ โดยนำเสนอการพัฒนาเกาะท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนผ่านแนวทาง “การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์” โดยคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ด้วยแอปพลิเคชัน Zero Carbon และพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวท้องถิ่นสู่สากลตามอัตลักษณ์วิถีของบริบทแต่ละเกาะ พร้อมทั้งขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์จากทรัพยากรท้องถิ่น โดยมีเป้าหมายสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ ธุรกิจ และวิถีชีวิตชุมชนอย่างยั่งยืน และร่วมแลกเปลี่ยนถอดบทเรียน ภูมิปัญญา นวัตกรรม เทคโนโลยี เกาะสู่การท่องเที่ยวปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Tourism) สำหรับจัดทำคู่มือให้กับเครือข่ายเกาะยั่งยืนประเทศไทย โดยมี อาจารย์ ดร. วิชิน สืบปาละ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง คุณวัชรินท์ แสวงการ อุปนายกสมาคมการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดชุมพร คุณนิพัทธ์พงษ์ ชวนชื่น ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ คุณศิราณี อนันตเมฆ ที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยวสร้างสรรค์อย่างยั่งยืนเกาะสุมย เกาะพะงัน และเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี และ อาจารย์ ดร. สิทธิพร เพ็งสกุล กลุ่มวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพในทะเล คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ร่วมกับชุมชนและผู้ประกอบการในพื้นที่เกาะ โดยมีสาระสำคัญหลายประเด็น เช่น ผลการดำเนินงานวิจัยการท่องเที่ยวทางทะเลคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ การพัฒนามาตรฐานและหลักสูตรฝึกอบรมการท่องเที่ยวทางทะเลคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศไทย การพัฒนาเรือไฟฟ้านำเที่ยว การขับเคลื่อนการท่องเที่ยวปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Tourism) ของที่พักในกลุ่มเกาะจังหวัดชุมพรและจังหวัดสุราษฎร์ธานี การพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยว และแนวทางการจัดการอาหารและขยะเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและแนวทางการลงมือปฏิบัติจริง ในการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำและคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ เพื่อร่วมกันผลักดันให้เกาะต่าง ๆ ของประเทศไทยก้าวสู่ “สมดุลใหม่เพื่อยั่งยืนในอนาคต”


วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2568

DMT จับมือ SET และกรมป่าไม้ ปลูกป่าชุมชนในโครงการ Care the Wild “ปลูกป้อง Plant & Protect” เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ป่าชุมชนบ้านหนองปลิง อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี จำนวน 40 ไร่

 DMT จับมือ SET และกรมป่าไม้ ปลูกป่าชุมชนในโครงการ Care the Wild “ปลูกป้อง Plant & Protect” เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ป่าชุมชนบ้านหนองปลิง อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี จำนวน 40 ไร่

ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย  (คนที่ 3 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT พร้อมด้วยทีมผู้บริหาร พนักงาน และนักศึกษาทุนมูลนิธิทางสู่ฝัน ปั้นคนเก่ง คุณนงรัก งามวิทย์โรจน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาเพื่อสังคม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผู้บริหารและทีมงานกรมป่าไม้ นำโดยองครักษ์ ฤทธิรุฒม์ ผู้อำนวยส่วนจัดการป่าชุมชน สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 ราชบุรี และคุณเสกสรร กวยะปาณิก ผู้อำนวยการสำนักจัดการป่าชุมชน และทีมปลูกป้องชุมชนเข้มแข็ง ซึ่งมีคุณหน่วย บุญลือ ประธานคณะกรรมการป่าชุมชนบ้านหนองปลิง จ.กาญจนบุรี ร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้ ในโครงการ  Care the Wild “ปลูกป้อง Plant & Protect” เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว มุ่งเน้นการปลูกป่าอย่างยั่งยืน เสริมสร้างระบบนิเวศที่สมดุล ลดปัญหาภาวะโลกร้อน และสร้างประโยชน์ให้เป็นแหล่งอาหารแก่ชุมชนในระยะยาว  


ทั้งนี้ DMT ดำเนินธุรกิจรับสัมปทานทางหลวงทางยกระดับดอนเมือง ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 31 มีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการมีส่วนร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามแนวคิด “Tollway Green Way ยกระดับสิ่งแวดล้อม” เป็นที่มุ่งมั่นสนับสนุน การขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนดังที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังสอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ เป้าหมายที่ 13 : การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป้าหมายที่ 15 : การส่งเสริมการใช้ระบบนิเวศบนบกอย่างยั่งยืน และเป้าหมายที่ 17 : ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปี 2566 - 2568 


ในปี 2568 จิตอาสา DMT จำนวนกว่า 60 คน ได้ร่วมกับชาวชุมชนบ้านหนองปลิง ต.ทุ่งกระบ่ำ อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ปลูกต้นไม้จำนวน 2,000 ต้น ในพื้นที่ป่าชุมชน 10 ไร่ โดยชาวบ้านจะเป็นผู้ดูแลรักษาป่าให้เจริญเติบโต เป็นระยะเวลา 10 ปี ทั้งยังสามารถใช้ป่าชุมชนนี้ด้วยประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ การรักษาระบบนิเวศ และการพัฒนาชุมชนให้อยู่ได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งการปลูกป่าแห่งนี้ ยังสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึงปีละ 18,000 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (KgCO2e) ต่อปี 

ซินโครตรอน อว. ร่วมประชุมฟิสิกส์ระดับชาติ SPC2025 โชว์ศักยภาพสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนใหม่ 3 GeV

  ซินโครตรอน อว. ร่วมประชุมฟิสิกส์ระดับชาติ SPC2025 โชว์ศักยภาพสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนใหม่ 3 GeV  สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การม...