วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวง อว. ร่วมมือ ตำรวจสากล (INTERPOL) พัฒนาศักยภาพบุคลากรไทย เพื่อความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์

 ปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวง อว. ร่วมมือ ตำรวจสากล (INTERPOL) พัฒนาศักยภาพบุคลากรไทย เพื่อความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์

นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ รรท.เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ปส.อว. ร่วมกับองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (ICPO/INTERPOL) หรือตำรวจสากลเดินหน้าพัฒนาศักยภาพบุคลากรไทยด้านความมั่นคงทางนิวเคลียร์ ผ่านโครงการ National Capability Assessment and Training Programme (NCAT) เพื่อยกระดับมาตรการความมั่นคงทางนิวเคลียร์และรังสีตามมาตรฐานสากล ซึ่งจะช่วยปกป้องความปลอดภัยของประชาชนจากภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบ การก่อการร้าย หรือการใช้สารกัมมันตรังสีในทางที่ไม่ถูกต้อง ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาคมโลกว่า ประเทศไทยมีระบบป้องกันและรับมืออย่างเข้มแข็ง สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวง อว. ที่เน้นการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาเสริมสร้างความมั่นคงและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างยั่งยืน


 

โครงการนี้มุ่งเน้น การประเมินขีดความสามารถของหน่วยงานไทยในการป้องกัน ตรวจจับ ตอบสนอง และสืบสวนสอบสวน ผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้ การวิเคราะห์กรณีศึกษา และการฝึกซ้อมสถานการณ์จำลอง ทำให้ทุกหน่วยงานเห็นชัดถึง “จุดแข็ง” และ “ช่องว่าง” ของระบบความมั่นคง เพื่อนำไปสู่การพัฒนามาตรการที่สอดคล้องกับกฎหมายและสถานการณ์จริงอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีผู้แทนจาก 11 หน่วยงานพันธมิตร รวม 24 คน เข้าร่วม อาทิ กองทัพบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงกรุงเทพมหานคร สะท้อนถึงความร่วมมือแบบบูรณาการทั้งฝ่ายความมั่นคง สาธารณสุข และการป้องกันภัยพิบัติ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการคุ้มครองประชาชน ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 25 – 26 สิงหาคม 2568 ณ ปส. 

นพ.รุ่งเรือง กล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนาโครงการ NCAT อย่างต่อเนื่อง จะเป็นกลไกหลักที่ทำให้ประเทศไทยมีระบบความมั่นคงทางนิวเคลียร์ที่ ทันสมัย ปลอดภัย และน่าเชื่อถือ และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ ปส. ในการผลักดันให้ประเทศไทยมีมาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์ที่เข้มแข็งทัดเทียมมาตรฐานสากล


พรรคไทยชนะ (ทช) ทำบุญครบรอบ 4 ปี ก้าวสู่ปีที่ 5 อย่างมั่นคง ตอกย้ำ "พรรคการเมืองของประชาชน" เดินหน้านโยบายแก้หนี้-ลดความขัดแย้ง

 พรรคไทยชนะ (ทช) ทำบุญครบรอบ 4 ปี ก้าวสู่ปีที่ 5 อย่างมั่นคง ตอกย้ำ "พรรคการเมืองของประชาชน" เดินหน้านโยบายแก้หนี้-ลดความขัดแย้ง


 กรุงเทพฯ 31 สิงหาคม 2568 – พรรคไทยชนะ (ทช.) จัดพิธีทำบุญครบรอบ 4 ปี ณ ที่ทำการพรรค  149 ถนนพระราม 6 โดยมี นายจักรพงศ์ ชื่นดวง หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย พ.ต.อ.(พิเศษ) ดิษพงศ์ โสมกุล รองหัวหน้าพรรค , นายโกศล หกสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค , นายฐานวัฒน์ วิบูลย์ธนสาร เลขาธิการพรรค , นายธนากร เศรษฐพินิจ รองเลขานุการพรรค , นางสาวธัญนิตย์ ชื่นดวง นายทะเบียนพรรค , ด.ต.เกษตร เสมอกิจ เหรัญญิกพรรค , นายประสงค์ แก้ววิจิตร กรรมการบริหารพรรค , นายวาธุสิทธิ์ สืบสุนทร กรรมการบริหารพรรค และที่ปรึกษาพรรค , สมาชิกพรรค เข้าร่วมพิธีทางศาสนาพุทธ และศาสนาอิสลาม อย่างพร้อมเพียงกัน เพื่อสืบสานเจตนารมณ์ในการเป็น “พรรคของประชาชนตัวจริง”



 โดยนายจักรพงศ์ ชื่นดวง หัวหน้าพรรคไทยชนะ เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันครบรอบ 4 ปี ของการก่อตั้ง พรรคไทยชนะ ในฐานะหัวหน้าพรรค ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนที่ร่วมเป็นพลังสำคัญในการผลักดันให้พรรคของเราเติบโตอย่างมั่นคง  การก่อตั้งพรรคเมื่อปี 2564 ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ และวันนี้ พรรคไทยชนะสามารถก้าวข้ามข้อกำหนดของกฎหมายพรรคการเมืองได้ครบถ้วน มีสมาชิกเกิน 10,000 คนตามที่ กกต. กำหนด จึงถือว่าพรรคมีความสมบูรณ์พร้อมในฐานะ “พรรคการเมืองของประชาชน” อย่างแท้จริง

เราจะเป็นพรรคที่ฟังเสียงประชาชนทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ทุกตำบล และจะกำหนดเป็นนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาจริง ไม่ใช่พรรคของนายทุน แต่เป็นพรรคที่คนไทยทุกคนมีส่วนร่วม” นายจักรพงศ์ กล่าว ...

 นายจักรพงศ์ ฯ  หัวหน้าพรรคไทยชนะยังชูแนวทางการเมืองแบบ “สีขาว” ไม่สนับสนุนการทุจริต คอร์รัปชัน และผลักดันความปรองดองสมานฉันท์ในสังคมไทย พร้อมประกาศว่านโยบายเร่งด่วนหากได้ร่วมรัฐบาลคือการ แก้ปัญหาหนี้สินประชาชน เกษตรกร และแรงงาน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

 นอกจากในวาระพิเศษวันนี้ซึ่งเป็นการเริ่มต้นก้าวสู่ปีที่ 5 พรรคไทยชนะ ได้ร่วมกันทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล  พรรคไทยชนะ ยังเปิดรับคนรุ่นใหม่และประชาชนที่มีอุดมการณ์สะอาด เข้ามาเป็นผู้แทนของพรรคในแต่ละเขตเลือกตั้ง เพื่อสร้าง “การเมืองคุณธรรม” ที่ขับเคลื่อนด้วยความดีและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน

 “ประเทศไทยต้องเดินไปข้างหน้าด้วยความสามัคคี พรรคไทยชนะพร้อมเป็นพลังความหวังใหม่ของประชาชน” นายจักรพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับงานทำบุญครบรอบ 4 ปี  “ก้าวสู่ปีที่ 5 ” พรรคไทยชนะ (ทช) ในวันนี้ มีตัวแทนพรรคการเมืองนำกระเช้า และแจกันดอกไม้มาร่วมแสดงความยินดี อาทิ นายชิงชัย มงคลธรรม หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ , นายบุญเลิศ สว่างกูล อดีต สส.แม่ฮ่องสอน , นายสมพร มูสิกะ เลขาธิการสภากรรมกรแห่งชาติ , นายราเชน ตระกูลเวียง หัวหน้าพรรคทางเลือกใหม่ , พรรค'พร้อม' นำโดย ดร.พิมไหมทอง ศักดิพัตโภคิน หัวหน้าพรรค , นายไพรัตน์ แสงสีดำ ผู้อำนวยการพรรค , นายณธาร ภูมิภาสภาคิน  เหรัญญิกพรรค และพรรคประชากรไทย โดยนายคณิศร สมมะลวน 


 

# พรรคไทยชนะ (ทช.) 

# พรรคของประชาชนตัวจริง

# การเมืองคุณธรรม

# การเมืองสีขาว

รับทัพเยาวชนไทย สุดอบอุ่น หลังคว้าชัยแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียน ฟิลิปปินส์

 รับทัพเยาวชนไทย สุดอบอุ่น หลังคว้าชัยแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียน ฟิลิปปินส์


อธิบดี กพร.ต้อนรับเยาวชนไทยกลับประเทศ หลังคว้า 5 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง และ 10 เหรียญฝีมือยอดเยี่ยม จากการแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียน ครั้งที่ 14 ที่สาธารณรัฐฟิลิปปินส์



วันนี้ (31 สิงหาคม 2568) นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า การแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียน ครั้งที่ 14 ณ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ได้เสร็จสิ้นลงแล้วเมื่อวานนี้ ทางเจ้าภาพฟิลิปปินส์ได้จัดพิธีปิดอย่างยิ่งใหญ่ สุดอบอุ่น ซึ่งในวันนี้ เวลา 15.30 น. ทั้ง 34 คน คณะผู้เชี่ยวชาญ และเจ้าหน้าที่ได้เดินทางกลับถึงประเทศไทย สำหรับผลงานในครั้งนี้เยาวชนไทยทุกคนทำผลงานได้ดีสามารถคว้าเหรียญรางวัล รวม 22 เหรียญ ประกอบด้วย 5 เหรียญทอง คือ 1. นายนครินทร์ จรูญพันธุ์วณิช สาขาการประกอบอาหาร ควบเหรียญรางวัล Best of Nation 2. นางสาวพัชรมล ลิ่มทอง สาขาการบริการอาหารและเครื่องดื่ม 3. นายธนพล ถวิลมาตร์ สาขาการปูกระเบื้อง 4. นายปิยังกูร มารัศมี และนายธีรภัทร เตชะชมภูเวทย์ สาขาเมคคาทรอนิกส์ (ประเภททีม) 5. นายคณาธิป กรสันเทียะ และนายสิรภพ ไกรคุ้ม สาขาอุตสาหกรรม 4.0 (ประเภททีม) เหรียญเงิน จำนวน 4 เหรียญ ประกอบด้วย 1. นายธีรพงษ์ จันทร์เอียด สาขาการปูกระเบื้อง 2. นายรัชชานนท์ ทิพฤาชา สาขาเทคโนโลยีงานเชื่อม 3. นายศักรินทร์ สังคนุช สาขาการแต่งผม 4. นายนันท์ธร จอมศิลป์ และว่าที่ร้อยตำรวจตรี กรวิชญ์ ในกระโทก สาขาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (ประเภททีม) เหรียญทองแดง จำนวน 3 เหรียญ ประกอบด้วย 1. นายสิทธิกานต์ หลวงนา สาขาไม้เครื่องเรือน 2. นายธราเทพ แก้วมงคล สาขาไม้เครื่องเรือน 3. นายธันวา จิตพันธ์ สาขาการแต่งผม



นายเดชา กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังมีอีก 10 เหรียญฝีมือยอดเยี่ยม ได้แก่ 1. นายฐิติวัฒน์ ชูทรัพย์ สาขาเทคโนโลยีเว็บ 2. นายธีรเดช สุจินดากุล สาขาเทคโนโลยีเว็บ 3. นายอนุวัฒณ์ บำขุนทด สาขาเทคโนโลยีระบบไฟฟ้าภายในอาคาร 4. นายสรวิศ เก่งธัญกรรม สาขาการเขียนแบบวิศวกรรมเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์ 5. นายณัฏฐากรณ์ หอมจิตต์ สาขากราฟิกดีไซน์ 6. นายสรัล เอกบุศย์ สาขาการสร้างโมเดลในเกมสามมิติ 7. นางสาวบุษกร เจียมสกุล สาขาการประกอบอาหาร 8. นายวัชระ มาลาศรี และนายสุวิจักขณ์ จักวาโชติ สาขาหุ่นยนต์เคลื่อนที่ (ประเภททีม) 9. นายอรรณนพ กันธิยะ สาขาเทคโนโลยีงานเชื่อม 10. นายศุภกรณ์ จันทร์คูเมือง สาขาการเขียนแบบวิศวกรรมเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์




การแข่งขันครั้งนี้ น้อง ๆ เยาวชนได้สร้างเสริมประสบการณ์ ขณะเดียวกันเป็นการโชว์ศักยภาพด้านทักษะฝีมือของแรงงานไทยในภูมิภาคอาเซียน สามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกัน นอกจากนี้ เยาวชนจะได้รับโอกาสในการเป็นตัวแทนประเทศไปแข่งขันฝีมือแรงงานเอเชีย ครั้งที่ 3 ณ กรุงไทเป ไต้หวัน ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2568 และไปแข่งขันฝีมือแรงงานนานาชาติ ครั้งที่ 48 ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในปี 2569 ส่วนการแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียน ครั้งที่ 15 จะจัดขึ้นที่สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ในปี 2570 ซึ่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จะส่งเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง และในวันพรุ่งนี้ (1 กันยายน 2568) จะจัดพิธีมอบรางวัล และขอบคุณผู้สนับสนุนการแข่งขันในครั้งนี้ ณ โรงแรมบางกอกพาเลส โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมาเป็นประธานมอบรางวัล  อธิบดีเดชา กล่าวในท้ายสุด

จังหวัดสมุทรสงคราม ขอเชิญเที่ยวงาน เกษตรปลอดภัยสมุทรสงคราม 2025ระหว่างวันที่ 5-7 กันยายน 2568 🕒 เวลา 15:00 - 21:00 น.📍ณ บริเวณริมเขื่อนสุดทางสถานีรถไฟแม่กลอง อ.เมืองฯ จ.สมุทรสงคราม

 จังหวัดสมุทรสงคราม ขอเชิญเที่ยวงาน เกษตรปลอดภัยสมุทรสงคราม 2025ระหว่างวันที่ 5-7 กันยายน 2568 🕒 เวลา 15:00 - 21:00 น.📍ณ บริเวณริมเขื่อนสุดทางสถานีรถไฟแม่กลอง อ.เมืองฯ จ.สมุทรสงคราม 

😍ชวนมาเที่ยวเพลิน เดิน แชะ ชิม แชร์ กับสินค้าเกษตรปลอดภัย                                   

📌ภายในงานมีกิจกรรม   🛒สินค้านาทีทองนาทีถูก 

สินค้าราคา 1 บาทสินค้าราคาพิเศษ 50% ฯลฯ  

                                                                                          พบกับการแสดงจากศิลปินที่มีชื่อเสียง

: เต้ วัชสัณห์

: วงสว่างขวัญดี

:การแสดงจากเด็กนักเรียนสมุทรสงคราม และการแสดงอีกมากมายตลอดงาน

อย่าพลาด! ทั้งอร่อย ทั้งสนุก ทั้งช้อป!

จัดงานโดย สำนักงานพัฒนาชุนชนจังหวัดสมุทรสงคราม

#เกษตรปลอดภัยสมุทรสงคราม2025

วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2568

กรมการค้าต่างประเทศ เข้าเยี่ยมคารวะเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย (H.E. Mr. Zaw Zaw Soe) หารือแนวทางผ่อนผันการใช้มาตรการใบอนุญาตนำเข้า (Import License) ของเมียนมา

 กรมการค้าต่างประเทศ เข้าเยี่ยมคารวะเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย (H.E. Mr. Zaw Zaw Soe) หารือแนวทางผ่อนผันการใช้มาตรการใบอนุญาตนำเข้า (Import License) ของเมียนมา

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นำคณะผู้แทนฝ่ายไทยเข้าเยี่ยมคารวะเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย (H.E. Mr. Zaw Zaw Soe) เพื่อหารือแนวทางผ่อนผันการใช้มาตรการใบอนุญาตนำเข้า (Import License) ของเมียนมา เมื่อวันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม 2568 เวลา 14.00 - 15.00 น. ณ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประจำประเทศไทย โดยการหารือเป็นไปด้วยความเข้าใจอันดีของทั้งสองฝ่าย





นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตนได้นำคณะผู้แทนฝ่ายไทยประกอบด้วย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (นายนพดล คันธมาศ) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ และผู้แทนกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เข้าเยี่ยมคารวะเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประจำประเทศไทย (H.E. Mr. Zaw Zaw Soe) เพื่อหารือแนวทางผ่อนผันการใช้มาตรการใบอนุญาตนำเข้า (Import License) ของเมียนมา ซึ่งฝ่ายเมียนมารับทราบข้อกังวลของไทยจากการเพิ่มความเข้มงวดมาตรการใบอนุญาตนำเข้า (Import license) โดยเฉพาะการปิดด่านเมืองเมียวดีตรงข้ามสะพานฯ 2 อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งฝ่ายเมียนมาได้เพิ่มความเข้มงวดการบังคับใช้มาตรการนำเข้ามาเป็นลำดับ ทั้งนี้ ในระหว่างการพูดคุยหารือเพื่อแก้ปัญหาร่วมกันฝ่ายเมียนมาแนะนำให้ผู้ประกอบการไทย ปรับเปลี่ยนเส้นทางการส่งออกสินค้าจากด่านสะพานฯ 2 อ.แม่สอด จ.ตาก ไปใช้ท่าเรือระนอง จ.ระนอง - เกาะสอง หรือด่านแม่สาย จ.เชียงราย - ท่าขี้เหล็ก รวมทั้ง รับข้อเสนอของไทยในการขอให้พิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์ Export Earning ไปหารือกับรัฐบาล นอกจากนี้ฝ่ายไทยจะเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เมียนมามาเยือนไทย เพื่อหารือในระดับนโยบายสำหรับแนวทางบริหารจัดการการค้าระหว่างไทย - เมียนมา ให้มีความคล่องตัวและขยายความร่วมมือด้านการค้าบนพื้นฐานของความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันต่อไป


“รมว.นฤมล” นำบอร์ดสภาการศึกษา ชง 3 วาระขับเคลื่อนการศึกษา สร้าง “พลเมืองที่เข้มแข็ง” ของประเทศ

 “รมว.นฤมล” นำบอร์ดสภาการศึกษา ชง 3 วาระขับเคลื่อนการศึกษา สร้าง “พลเมืองที่เข้มแข็ง” ของประเทศ

วันที่ 29 สิงหาคม 2568 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดการประชุมสภาการศึกษา ครั้งที่ 3/2568 โดยมี คณะกรรมการสภาการศึกษา พร้อมด้วย รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมกำแหง พลางกูร สกศ. ควบคู่กับการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์


ที่ประชุมพิจารณาเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการและขยายผล 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 

1. (ร่าง) ทิศทางการพัฒนาศักยภาพคนไทย เพื่อให้เป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง พร้อมเรียนรู้ ปรับตัว อย่างยั่งยืน ผ่านเสาหลัก 5 ประการ The L.E.A.R.N. Pillars ประกอบด้วย ศักยภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน (Learner Agency) บุคลากรทางการศึกษามีสุขภาวะที่ดีและมีความเป็นเลิศ (Educator Excellence) การบริหารงบประมาณและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ (Allocation) การเข้าถึงการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นสำหรับทุกคน (Reach) และการบริหารจัดการแบบเครือข่ายและการมีส่วนร่วม (Network) ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตขับเคลื่อนไปพร้อมกับการปฏิรูปกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง 

2. ปรับแนวทางบริหารจัดการทรัพยากรและสูตรจัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา ดังนี้ 1) กระจายอำนาจ ส่งเสริมการร่วมลงทุนและสนับสนุนจากทุกภาคส่วน 2) ปรับเพิ่มสัดส่วนการใช้ทรัพยากรสำหรับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมรองรับการเปลี่ยนแปลง 3) เพิ่มการจัดสรรไปยังผู้เรียนโดยตรงควบคู่กับการจัดสรรไปยังสถานศึกษา 4) ปรับรายการเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายพื้นฐาน 5) แยกค่าสาธารณูปโภคพื้นฐานออกจากค่าจัดการเรียนการสอน ทั้งนี้ต้องพัฒนาฐานข้อมูลเพื่อใช้ในการวัดประเมินผลและพัฒนาปรับปรุงอย่างเป็นระบบ

3. ข้อเสนอนโยบายการสร้างเสริมชุดทักษะที่จำเป็น Essential Skills Set สำหรับเด็กและเยาวชนไทย 3 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1) เสริมสร้างสมรรถนะผู้เรียนด้วยการเรียนรู้บนฐานทักษะที่จำเป็น 2) เสริมสร้างระบบสนับสนุนการเรียนรู้เพื่อขับเคลื่อนชุดทักษะที่จำเป็นอย่างเป็นระบบ และ 3) สร้างพื้นที่เรียนรู้ สร้างชุดทักษะที่จำเป็นด้วยทุนทางสังคมและทรัพยากรในพื้นที่



จากนั้นที่ประชุมทราบผลการดำเนินงานของ สกศ. ได้แก่ 1. ผลการจัดอันดับ IMD ด้านการศึกษา 2025 ควรกำหนดการยกระดับให้เป็นตัวชี้วัด และมีการวางแผนพร้อมติดตามประเมินผล รวมถึงถอดบทเรียนผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2. มติของสมัชชาสภาการศึกษาระดับชาติเพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติ คือ การสร้างการเรียนรู้เพื่อสร้างรายได้ Learn to Earn และระบบนิเวศการเรียนรู้ของเมืองแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต 3. ได้พัฒนาแนวทางการได้รับคุณวุฒิการศึกษาตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติของกลุ่มเยาวชนยอดทักษะฝีมือ รวมถึงจะเปิดแพลตฟอร์มธนาคารหน่วยกิตแห่งชาติในปีหน้า 4. การขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่การเป็นสมาชิก OECD ขณะนี้เอกสาร IM ส่งไปยังสำนักงานกฤษฎีกาฯ เพื่อตรวจสอบและส่งต่อ OECD ประเมินทางเทคนิคต่อไป สุดท้าย สกศ. เสนอการจัดทำแผนการจัดการศึกษาในภาวะฉุกเฉินระดับชาติ จากปัญหาความไม่สงบบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อกำหนดมาตรการในการช่วยเหลือและสร้างขวัญกำลังใจ ให้ทันสถานการณ์และบูรณาการทุกภาคส่วน

กรมปศุสัตว์ปลื้ม “เนื้อสุรินทร์” ประกาศขึ้นทะเบียน GI ตัวล่าสุด

 กรมปศุสัตว์ปลื้ม “เนื้อสุรินทร์” ประกาศขึ้นทะเบียน GI ตัวล่าสุด

กรมปศุสัตว์ เผยข่าวดี “เนื้อสุรินทร์” (SURIN BEEF หรือ NUER SURIN) ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) อย่างเป็นทางการโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญที่ช่วยยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตรพื้นถิ่น สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค และเพิ่มโอกาสทางการตลาดสู่ระดับพรีเมียมทั้งในและต่างประเทศ

นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า กรมปศุสัตว์ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น โดยส่งเสริมและผลักดันให้สินค้าปศุสัตว์ที่มีอัตลักษณ์ในแต่ละพื้นที่ ขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และส่งเสริมช่องทางการตลาดให้กับผู้ผลิต เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคง นำมาสู่ความยั่งยืนของอาชีพเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ผู้ประกอบการแปรรูปและจำหน่ายสินค้าปศุสัตว์







"เนื้อสุรินทร์” เป็นเนื้อโคขุนคุณภาพสูง ผลิตจากโคเนื้อลูกผสมสายเลือดวากิว 50% ขึ้นไป เลี้ยงในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ซึ่งมีภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เหมาะสมต่อการปลูกหญ้าและข้าว เป็นแหล่งอาหารชั้นดีของโค ทำให้โคเติบโตแข็งแรง ให้เนื้อสีแดงอมชมพู ไขมันแทรกสวย ระดับคะแนน 3 ขึ้นไปตามมาตรฐานญี่ปุ่น เนื้อนุ่ม ไม่มีกลิ่นสาบ และเมื่อนำมาปรุงสุกจะให้รสชาติกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์




การผลักดันครั้งนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2567 โดยกองผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ ได้จัดอบรมหลักสูตรการขึ้นทะเบียน GI ให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อในจังหวัดสุรินทร์ เพื่อสร้างความเข้าใจถึงประโยชน์และความสำคัญของ GI และสนับสนุนเครื่องมือการผลิตและแปรรูปเนื้อสุรินทร์ให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตเนื้อสุรินทร์ จนเกิดการรวมพลังผลักดัน “เนื้อสุรินทร์” ให้ก้าวสู่สินค้า GI ของจังหวัด อีกทั้ง สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสุรินทร์ได้ขับเคลื่อนต่อเนื่อง โดยจัดประชุมผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน จัดทำคู่มือการผลิตและร่างคำขอขึ้นทะเบียน ก่อนยื่นต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา นอกจากนี้ ยังมีการจัดงาน “เทศกาลเนื้อสุรินทร์” (Surin Beef Festival 2025) เพื่อสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ในวงกว้าง จนนำมาซึ่งความสำเร็จในที่สุด





การขึ้นทะเบียน GI ของ “เนื้อสุรินทร์” ไม่เพียงแต่เป็นการคุ้มครองคุณภาพ ชื่อเสียง และแหล่งผลิต แต่ยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดระดับสากล และเป็นความภาคภูมิใจของชาวสุรินทร์และเกษตรกรผู้เลี้ยงโคทั้งประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร

อย่างยั่งยืน./


*************************


ข้อมูล : กองผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์

เรียบเรียงและเผยแพร่โดย คณะทำงานโฆษกกรมปศุสัตว์


สคส. จี้บริษัทเคลียร์ให้ชัด แจงประชาชนระวัง “สแกนม่านตา” ย้อนกลับ ระบุตัวบุคคลได้

  สคส. จี้บริษัทเคลียร์ให้ชัด แจงประชาชนระวัง “สแกนม่านตา” ย้อนกลับ ระบุตัวบุคคลได้   สคส. ย้ำ “ ข้อมูลม่านตาคือข้อมูลอ่อนไหว ” ต้องโปร่งใส–...