ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเตือนรัฐบาลไทย อย่าเดินตามรอยสิงคโปร์ ทำตลาดมืดขยายตัว!
กลุ่มผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเตือนรัฐบาลไทย หลังสิงคโปร์มีแนวคิดใช้มาตรการเข้มงวดขึ้นกับบุหรี่ไฟฟ้า ชี้หากไทยจะนำแนวทางนี้มาใช้ อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี เพราะไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่ากับสิงคโปร์ เน้นการควบคุมให้ถูกกฎหมายคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
จากกรณีที่นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ประกาศยกระดับมาตรการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าให้เทียบเท่ากับยาเสพติด โดยจะเอาผิดทั้งผู้ใช้ ผู้จำหน่าย และผู้นำเข้า เพื่อปกป้องสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน นายสาริษฏ์ สิทธิเสรีชน เจ้าของเฟซบุ๊กเพจ “มนุษย์ควัน” ที่มีผู้ติดตามกว่า 2.6 หมื่นคน ได้แสดงความเห็นว่า ท่าทีของสิงคโปร์ไม่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทยเพราะเราไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายและขจัดการคอรัปชั่นได้แบบสิงคโปร์
นายสาริษฏ์ กล่าวว่า “ประเทศไทยมักเลือกนำตัวอย่างจากประเทศอื่นมาเป็นข้ออ้างในการแบนบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง การที่สิงคโปร์ออกมาประกาศนโยบายนี้ สวนทางกับกว่า 91 ประเทศทั่วโลกที่อนุญาตให้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าอย่างถูกกฎหมาย เป็นทางเลือกให้กับผู้สูบ เช่น อังกฤษ ที่มีคำแนะนำให้ประชาชนใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นเครื่องมือช่วยเลิกบุหรี่ด้วยซ้ำ จนทำให้อัตราการสูบบุหรี่ลดต่ำสุดเหลือเพียง 11% เท่านั้น ขณะที่สิงคโปร์ดำเนินนโยบายควบคุมยาสูบตามหลัก MPOWER ขององค์การอนามัยโลกอย่างเข้มงวด และเลือกที่จะเข้มกว่าเดิม กลับมีอัตราการสูบบุหรี่คงตัวอยู่ที่ราว 10-16% มานานกว่าทศวรรษ ไม่ต่างจากประเทศไทยที่อัตราการสูบบุหรี่ยังสูงถึง 16.5% ในปี 2567”
นายสาริษฏ์ เสริมว่า “หากเปรียบเทียบประเทศที่ใช้นโยบาย MPOWER เช่น ตุรกี บราซิล กับประเทศที่อนุญาตให้ผลิตภัณฑ์ทางเลือกถูกกฎหมาย เช่น ญี่ปุ่น สวีเดน และนิวซีแลนด์ การลดลงของอัตราการสูบบุหรี่ในประเทศ 2 กลุ่มนี้ต่างกันมาก ไทยต้องยอมรับว่าเราไม่มีความสามารถในการบังคับใช้กฎหมายได้เท่าสิงคโปร์ เราทุ่มงบประมาณและกำลังพลปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้ามาหลายเดือน แต่กลับเห็นบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้น แม้ว่ารัฐบาลใจใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น แต่ตลาดมืดก็สามารถหาช่องทางและวิธีการใหม่ ๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้นอยู่ดี รัฐบาลควรจะใช้กำลังพลและงบประมาณเพื่อปราบปรามยาเสพติดร้ายแรงอื่น ๆ มากกว่าที่จะมาไล่จับบุหรี่ไฟฟ้าที่เป็นสินค้าถูกกฎหมายในประเทศส่วนใหญ่ในโลกไปแล้ว”
ตัวแทนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าชี้ว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลไทยควรพิจารณาทางเลือกอื่นนอกจากการแบนเพียงอย่างเดียว เพราะมาตรการที่ผ่านมาไม่เคยให้ผลในเชิงบวก นอกจากนี้ไทยยังมีรายงานผลการศึกษาจากคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่ศึกษาเกี่ยวกับมาตรการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า และผ่านการรับทราบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ซึ่งในรายงานฉบับนี้ได้ระบุถึงข้อดีข้อเสียของมาตรการควบคุม และเสนอแนวทางที่เป็นประโยชน์จากต่างประเทศไว้ชัดเจน หวังว่ารัฐบาลจะนำรายงานดังกล่าวมาใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง โดยเฉพาะนำบุหรี่ไฟฟ้ามาควบคุมให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ที่มา: เพจ มนุษย์ควัน https://www.facebook.com/share/p/1MRMBZjGZ7/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น