วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2568

กรมวิทยาศาสตร์บริการ ลงพื้นที่ มอ.ปัตตานี พัฒนาห้องปฏิบัติการทดสอบวิเคราะห์คุณภาพอาหาร ตามมาตรฐาน DSS Recognized Laboratory และเตรียมความพร้อมสู่การขอการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025

 กรมวิทยาศาสตร์บริการ ลงพื้นที่ มอ.ปัตตานี พัฒนาห้องปฏิบัติการทดสอบวิเคราะห์คุณภาพอาหาร ตามมาตรฐาน DSS Recognized Laboratory และเตรียมความพร้อมสู่การขอการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025

     กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) โดย สถาบันพัฒนาเครือข่ายวิทยาศาสตร์บริการ จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร “แนวทางการพัฒนาห้องปฏิบัติการทดสอบทางจุลชีววิทยา เตรียมความพร้อมสู่การขอการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025 : 2017” ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จังหวัดปัตตานี เพื่อพัฒนาห้องปฏิบัติการวิเคราะห์คุณภาพอาหาร ในขอบข่าย Escherichia coli ในน้ำดื่ม น้ำบริโภคในภาชนะบรรจุปิดสนิท ให้เป็นไปตามมาตรฐาน DSS Recognized Laboratory ซึ่งเป็นมาตรฐานที่รับรองความสามารถของห้องปฏิบัติการทดสอบที่กรมวิทยาศาสตร์บริการให้การยอมรับ เพื่อผลการทดสอบที่มีความน่าเชื่อถือ และช่วยลดต้นทุนในการตรวจรับรองจากเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การขอการรับรองมาตรฐานสากล ISO/IEC 17025 กิจกรรมดังกล่าวอยู่ภายใต้โครงการพัฒนาหน่วยตรวจสอบและรับรองในประเทศให้ได้มาตรฐานเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ (Area-Based Development) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับศักยภาพห้องปฏิบัติการไทยให้เป็นที่ยอมรับสู่มาตรฐานระดับสากล  

      การอบรมในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากทีมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญของกรมวิทย์ฯ บริการ นายอนนท์ ป้อมประสิทธิ์ ข้าราชการบำนาญ นางสุพรรณี เทพอรุณนัตน์ ข้าราชการบำนาญ และ ดร.ปวีณา เครือนิล นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ กรมวิทย์ฯ บริการ ร่วมถ่ายทอดความรู้ทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติอย่างเข้มข้น พร้อมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับบุคลากรที่ปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการ เพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้และยกระดับห้องปฏิบัติการของตนเองสู่มาตรฐานสากล



      กรมวิทย์ฯ บริการให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมศักยภาพห้องปฏิบัติการทดสอบในภูมิภาค ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของชุมชน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และภาคการผลิตภายในประเทศให้สามารถแข่งขันในตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศได้อย่างมั่นคง


#กรมวิทยาศาสตร์บริการ #DSS #กรมวิทย์ฯบริการ #กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม #กระทรวงอว #อว #อุดมศึกษา #วิจัยและนวัตกรรม

DIT จัดงาน “Farm Outlet Fair” รวมสินค้าเกษตรสดใหม่ ส่งตรงจากชุมชน

 DIT จัดงาน “Farm Outlet Fair” รวมสินค้าเกษตรสดใหม่ ส่งตรงจากชุมชน

       



​     DIT กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เชิญชวนประชาชนร่วมอุดหนุนสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์จากวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ ในงาน “Farm Outlet Fair” ที่จัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรในเครือข่าย DIT นำผลผลิตและสินค้าคุณภาพตรงจากสวนและชุมชน มาจำหน่ายในราคาที่เป็นธรรม พร้อมสร้างทางเลือกใหม่ในการจับจ่ายของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มแม่บ้านและครอบครัวที่ใส่ใจสุขภาพ





            นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดี DIT เปิดเผยว่า งานครั้งนี้เป็นกิจกรรมที่กรมฯ จัดขึ้นร่วมกับภาคีเครือข่าย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงผลผลิตเกษตรคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร ผลไม้ ผักสดปลอดสาร รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปจากวิสาหกิจชุมชนกว่า 500 รายการ จาก 30 ร้านค้า โดยเป็นสินค้าที่คัดสรรจากแหล่งผลิตที่มาจากศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรชุมชน หรือ Farm Outlet ซึ่งเป็นแหล่งรวมสินค้าเกษตร สินค้าเกษตรแปรรูป และงานหัตถกรรมของชุมชนที่ DIT ส่งเสริมพัฒนา มากว่า 15 ปี ปัจจุบันมี 56 แห่ง ใน 34 จังหวัดทั่วประเทศ ที่สำคัญงานนี้ได้เปิดพื้นที่ให้เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้นำผลไม้มาจำหน่ายเองด้วย เช่น ลำไยสดเกรดพรีเมียมจากจันทบุรี เพียงตะกร้า 3 กก. ราคา 100 บาท มะพร้าวน้ำหอมจากราชบุรี ลูกละ 15 บาท ฝรั่งไส้แดงจากราชบุรี ส้มโอจากนครนายกและสมุทรสงคราม และอโวคาโดจากเพชรบูรณ์ นอกจากนี้ ยังมีกุ้ง ทั้งกุ้งสดแช่แข็ง และผลิตภัณฑ์กุ้งแปรรูป จากเกษตรกร จ.สมุทรสาคร งานนี้ไม่เพียงเหมาะสำหรับคุณพ่อบ้านคุณแม่บ้านหรือผู้ที่รักการทำอาหาร แต่ยังเหมาะกับผู้ที่มองหาของฝาก ของดีประจำท้องถิ่น และผู้รักสุขภาพที่ต้องการเลือกสินค้าปลอดภัยมาบริโภคในชีวิตประจำวัน




         

 “งาน Farm Outlet Fair ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่จับจ่ายใช้สอย แต่ยังเป็นพื้นที่ที่ผู้บริโภคและเกษตรกรได้พบกันโดยตรง ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่าสินค้าที่นำมาจำหน่ายเป็นผลผลิตที่ใส่ใจคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงมือผู้บริโภค อีกทั้งยังได้ราคาที่คุ้มค่าเพราะไม่มีพ่อค้าคนกลาง นอกจากนี้สอดรับกับ นโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” ของนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มุ่งสนับสนุนการบริโภคสินค้าไทยและส่งเสริมให้ประชาชนเลือกใช้สินค้าจากเกษตรกรและผู้ประกอบการชุมชน เพื่อช่วยสร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก” นายวิทยากร กล่าว


            อธิบดี กล่าวเพิ่มเติมว่า คาดหวังว่างาน Farm Outlet Fair จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยสร้างการรับรู้ถึงคุณภาพของสินค้าเกษตรไทย และช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาดแก่เกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมโยงการผลิตสู่การบริโภคได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ งาน Farm Outlet Fair จัดขึ้น 2 ครั้ง ครั้งแรกที่ เซ็นทรัลเวสต์เกต ชั้น 1 ระหว่างวันที่ 3 – 9 กันยายน 2568 และต่อด้วยที่ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น G ระหว่างวันที่ 13 – 17 กันยายน 2568 เปิดให้เข้าชมและเลือกซื้อสินค้าตั้งแต่เวลา 10.00–21.00 น. ของทุกวัน



            นายวิทยากร กล่าวทิ้งท้ายว่า “อยากเชิญชวนประชาชนทุกท่าน โดยเฉพาะแม่บ้านและครอบครัว มาร่วมเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดีในงาน Farm Outlet Fair ได้ทั้งของดีไปใช้ในครัวเรือน และยังได้มีส่วนร่วมช่วยเกษตรกรไทยให้มีกำลังใจในการผลิตสินค้าคุณภาพดีต่อไป


--------------------------------

เอเซอร์เปิดตัว Predator Helios 18P AI แล็ปท็อปไฮบริดสุดแรง​ พร้อมไลน์อัป Predator รุ่นใหม่ เอาใจสายเกมเมอร์

 เอเซอร์เปิดตัว Predator Helios 18P AI แล็ปท็อปไฮบริดสุดแรง​ พร้อมไลน์อัป Predator รุ่นใหม่ เอาใจสายเกมเมอร์

Predator Helios 18P AI เกมมิ่งแล็ปท็อประดับโปร ผสานพลัง AI สำหรับทั้งการทำงานและเล่นเกม มาพร้อม Intel® Core™ Ultra 9 285HX, หน่วยความจำ ECC, และ NVIDIA® GeForce RTX™ 5090 Laptop GPU มอบประสิทธิภาพสูงสุดและการตอบสนองรวดเร็ว

Predator Orion 7000 และ 5000 เดสก์ท็อปเกมมิ่งสมรรถนะสูง มาพร้อม Intel® Core™ Ultra processors และ NVIDIA GeForce RTX™ 50 Series GPUs พร้อมระบบระบายความร้อน Predator CycloneX 360 และหน่วยความจำกับสตอเรจความจุสูง รองรับทุกความต้องการของเกมเมอร์

Predator X27U F8 มอนิเตอร์ OLED 26.5 นิ้ว ความละเอียด WQHD รีเฟรชเรตสูงสุด 720Hz ให้การตอบสนองเร็วเหนือชั้นสำหรับเกมเมอร์สายแข่งขัน

Predator Aethon 550 TKL คีย์บอร์ดเกมมิ่งขนาดกะทัดรัดแบบ Tenkeyless (TKL) ใช้งานได้หลายโหมด (tri-mode), เปลี่ยนสวิตช์เองได้ (hot-swappable switches), และปรับไฟ RGB ต่อปุ่มได้ (per-key RGB lighting) มอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ยกระดับ

เบอร์ลิน (3 กันยายน 2568) – เอเซอร์เปิดไลน์อัป Predator ใหม่ ครบทั้ง โน้ตบุ๊ก, เดสก์ท็อป Windows 11, มอนิเตอร์ และคีย์บอร์ด ออกแบบมาเพื่อรองรับทุกไลฟ์สไตล์ของเกมเมอร์และครีเอเตอร์ ไม่ว่าจะ ทำงาน, สร้างคอนเทนต์ หรือเล่นเกม เปิดด้วย Predator Helios 18P AI แล็ปท็อประดับโปรที่ผสานพลัง AI สำหรับทั้งงานและความบันเทิง พร้อมด้วย เดสก์ท็อป Predator Orion 7000 และ 5000, คีย์บอร์ดเกมมิ่ง Predator Aethon 550 TKL, และ จอมอนิเตอร์ Predator X27U F8 ที่เปิดตัวพร้อมกัน มอบประสิทธิภาพและฟีเจอร์ครบครันสำหรับเกมเมอร์ตัวจริง

Predator Helios 18P AI: แล็ปท็อปไฮบริดพลังแรง สำหรับเล่นเกมและทำงาน

Predator Helios 18P AI ถูกออกแบบมาสำหรับมืออาชีพที่ต้องการประสิทธิภาพระดับเดสก์ท็อปในแล็ปท็อปเครื่องเดียว ตอบโจทย์ทั้งงานสร้างสรรค์, การประมวลผล AI และการเล่นเกมอย่างเต็มประสิทธิภาพ

มาพร้อม Intel® Core™ Ultra 9 285HX และ Intel® vPro® เพื่อความปลอดภัยและเสถียรภาพระดับองค์กร รองรับ แรม ECC สูงสุด 192GB ซึ่งช่วยตรวจจับและแก้ไขข้อผิดพลาดของข้อมูลอัตโนมัติ ลดความเสี่ยงข้อมูลสูญหายหรือระบบล่ม พร้อม NVIDIA® GeForce RTX™ 5090 Laptop GPU ที่รองรับ DLSS 4 ให้กราฟิกแรงเต็มประสิทธิภาพ Helios 18P AI รองรับ SSD PCIe Gen 5 สูงสุด 6TB, การเชื่อมต่อ Thunderbolt 5 Type-C, และเครือข่าย Killer™ Ethernet E5000B และ Wi-Fi 7 ให้การใช้งานราบรื่นและต่อเนื่อง

จอภาพขนาด 18 นิ้ว อัตราส่วน 16:10 มีให้เลือกทั้ง Mini LED, 4K WQUXGA (3840 x 2400) รองรับ HDR 1000 nits และครอบคลุมสี 100% DCI-P3 เหมาะสำหรับงาน ตัดต่อวิดีโอ, เรนเดอร์ 3D และสร้างภาพ AI

ระบบระบายความร้อน พร้อมพัดลมโลหะ AeroBlade 6th Gen คู่, liquid metal thermal grease, และ vector heat pipes ทำให้เครื่องเย็นและทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ โดยพัดลมมีความบางเพียง 0.05 มม. ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพัดลมแล็ปท็อปที่บางที่สุดในโลก


Predator Orion 7000: พลังเต็มขั้นสำหรับเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์

Predator Orion 7000 (PO7-667) คือเดสก์ท็อปสมรรถนะสูงออกแบบมาสำหรับเกมเมอร์และครีเอเตอร์ มาพร้อมซีพียู Intel® Core™ Ultra 9 285K พร้อม NPU ในตัวสำหรับงาน AI จับคู่กับการ์ดจอ NVIDIA® GeForce RTX™ 5090 รองรับ ray tracing, DLSS 4 และ Multi Frame Generation นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึง NVIDIA NIM Microservices สำหรับสร้าง AI workflow หรือผู้ช่วยอัจฉริยะได้เต็มประสิทธิภาพ

ระบบระบายความร้อน Predator CycloneX 360 พร้อม CPU liquid cooler พัดลมที่ออกแบบมาเฉพาะช่วยเพิ่มการไหลเวียนอากาศ 15% และลดอุณหภูมิเมนบอร์ด 9°C เพื่อให้ฮาร์ดแวร์ภายในทำงานได้เต็มประสิทธิภาพโดยไม่เกิดการ throttle

Orion 7000 รองรับ แรม DDR5 7200 MT/s สูงสุด 128GB พร้อมไฟ RGB, SSD PCIe สูงสุด 6TB และ HDD สูงสุด 4TB พร้อมช่อง 3.5 นิ้ว จำนวน 2 ช่อง เชื่อมต่อครบทั้ง Thunderbolt 4, Killer Ethernet E3100G และ Wi-Fi 7 เพื่อประสบการณ์เล่นเกมออนไลน์ลื่นไหลและการโอนถ่ายข้อมูลรวดเร็ว

Predator Orion 5000 : เกมแรง งานลื่น พลังเต็มพิกัด

Predator Orion 5000 (PO5-667) คือเดสก์ท็อปเกมมิ่งสำหรับผู้เล่นที่ต้องการสมรรถนะสูง มาพร้อมซีพียู Intel® Core™ Ultra 7 265F และการ์ดจอ NVIDIA® RTX 5080 ให้ภาพสวย ลื่นไหล และเฟรมเรตสูง รองรับแรม DDR5 7200 MT/s สูงสุด 128GB, SSD สูงสุด 2TB และ HDD สูงสุด 4TB พร้อมระบบระบายความร้อน Predator CycloneX 360 ช่วยให้เครื่องทำงานเต็มประสิทธิภาพโดยไม่ร้อนเกินไป

ตัวเครื่องใช้เคสกระจกนิรภัยขนาด 45 ลิตร พร้อมไฟ ARGB ปรับแต่งได้ตามสไตล์ และใช้พลาสติกรีไซเคิล (PCR) ถึง 65% นอกจากนี้ยังติดตั้ง Acer Intelligence Space ศูนย์รวมแอป AI อัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทั้งการสร้างสรรค์งานและการทำงาน

Predator Orion 5000 ผสานความแรง ดีไซน์โดดเด่น และความคุ้มค่า เป็นเดสก์ท็อปที่ตอบโจทย์ทั้งเกมเมอร์และครีเอเตอร์ ที่ต้องการฟังก์ชันครบครันในเครื่องเดียว


Predator X27U F8: มอนิเตอร์เพื่อเกมเมอร์สายแข่งขัน

Predator X27U F8 ถูกออกแบบมาสำหรับคอเกมที่ต้องการความเร็วและความคมชัดระดับสูง มาพร้อมหน้าจอ OLED IPS ขนาด 26.5 นิ้ว ความละเอียด WQHD (2560x1440) และ อัตรารีเฟรชสูงสุด 720Hz รองรับเทคโนโลยี Dynamic Frequency Resolution (DFR) ที่สามารถปรับการแสดงผลระหว่าง WQHD 540Hz และ HD 720p 720Hz เพื่อให้เหมาะกับเกมแต่ละประเภทรองรับขอบเขตสี 99% DCI-P3 และมาตรฐาน VESA DisplayHDR 500 True Black มอบสีดำที่ลึก คอนทราสต์จัดเต็ม และภาพที่สมจริงยิ่งกว่าเดิม พร้อมด้วย AMD FreeSync Premium Pro ช่วยลดอาการภาพฉีกหรือกระตุก ให้การเล่นเกมลื่นไหลไร้สะดุดทุกจังหวะ

Predator Aethon 550 TKL: คีย์บอร์ดกะทัดรัด ฟังก์ชันครบครัน

ปิดท้ายด้วย Predator Aethon 550 TKL คีย์บอร์ดสำหรับเกมเมอร์ที่เน้นความแม่นยำและความยืดหยุ่น รองรับการเชื่อมต่อถึง 3 โหมด (สาย, Bluetooth และ 2.4GHz) ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานสูงสุด 150 ชั่วโมง

มาพร้อม สวิตช์แบบ Hot-swap ที่สามารถเปลี่ยนได้ตามสไตล์ (Blue/Red) และ ปุ่ม WASD แบบปรับแต่งได้ ดีไซน์ Tenkeyless 80% ช่วยประหยัดพื้นที่โต๊ะโดยไม่เสียฟังก์ชันการใช้งาน พร้อมไฟ RGB ต่อปุ่ม ที่รองรับ Windows Dynamic Lighting ให้คุณควบคุมเอฟเฟกต์ไฟ RGB ให้ทำงานสอดคล้องกันกับอุปกรณ์อื่นได้อย่างราบรื่น

ราคาและการวางจำหน่าย

รุ่น ราคาเริ่มต้น ช่วงวางจำหน่าย

Predator Helios 18P AI (PH18P-73) USD 3,999 / EUR 4,999 อเมริกาเหนือ และ EMEA

Predator Orion 7000 (PO7-667) EUR 3,999 / AUD 8,199 Q1 2026 (EMEA, ออสเตรเลีย)

Predator Orion 5000 (PO5-667) EUR 2,999 / AUD 4,999 Q1 2026 (EMEA, ออสเตรเลีย)

Predator X27U F8 Monitor USD 1,299.99 / EUR 1,199 / RMB 9,999 อเมริกาเหนือ: Q1 2026 / EMEA: Q2 2026 / จีน: Q1 2026

Predator Aethon 550 TKL (PKR400) USD 129 / EUR 129 อเมริกาเหนือ: ก.ย. 2025 และ EMEA


รายละเอียดสเปก ราคา และความพร้อมใช้งานจะแตกต่างตามภูมิภาค ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวางจำหน่าย ข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ และราคาในการจัดจำหน่าย โปรดติดต่อสำนักงาน Acer ผ่านทาง www.acer.com

สำหรับประกาศอย่างเป็นทางการและภาพผลิตภัณฑ์ทั้งหมด สามารถเข้าชมได้ที่เว็บไซต์ IFA 2025 Press Kit site.


มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมพิธีสดุดีวีรกรรมนักรบกล้าและอาลัยประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย - กัมพูชา ณ กองบัญชาการกองทัพไทย เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ

 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมพิธีสดุดีวีรกรรมนักรบกล้าและอาลัยประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย - กัมพูชา ณ กองบัญชาการกองทัพไทย เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ




วันนี้ (วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายธฤต โอภาสวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการ พร้อมด้วย นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่  นายวันชิด ศิรสีห์ รองผู้จัดการใหญ่ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นายยุทธนา ทาโคตร์ ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกบรรเทาสาธารณภัยฯ ฝ่ายปฏิบัติการ ร่วมสดุดีวีรชนทหารกล้า อาลัยประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย - กัมพูชา เพื่อเชิดชูเกียรติและตอบแทนความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของกำลังพลที่พลีชีพเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย  พร้อมแสดงความเสียใจและไว้อาลัยต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่จากไป โดยมี พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในพิธี ณ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กองบัญชาการกองทัพไทย เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ


เมื่อเกิดเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ได้เร่งมอบหมายให้คณะกรรมการ นำทีมสาธารณภัยลงพื้นที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อมอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น ให้แก่ผู้อพยพจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากนั้นได้เข้ามอบเงินปลอบขวัญนายละ 10,000 บาท พร้อมกระเช้าสุขภาพ ให้แก่ทหารกล้าและประชาชนที่บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ที่พักรักษาตัวอยู่ ณ โรงพยาบาลในขณะนั้น รวมงบประมาณที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งต่อธารน้ำใจจากผู้มีจิตศรัทธา สู่ทหารกล้าและประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา นับตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงปัจจุบันคิดเป็นมูลค่ากว่า 4.9 ล้านบาท ซึ่งมูลนิธิฯ ยังคงติดตามสถานการณ์เพื่อพิจารณาการให้ความช่วยเหลือตามนโยบายการดำเนินงานของแผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งต่อไป

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์ เครื่องอุปโภคบริโภค สมทบทุนช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ขอบุญบารมีหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ดลบันดาลให้ท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญ สุขภาพแข็งแรงตลอดไป และขอส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่-อาสาสมัครทุกท่าน ทุกหน่วย ที่ปฏิบัติภารกิจ รวมถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ขอให้ทุกท่านปลอดภัย และขอให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ววัน


ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ เฟซบุ๊ก แฟนเพจwww.facebook.com/atpohtecktung หรือดูรายละเอียดช่องทางที่สะดวกได้ที่ https://linktr.ee/pohtecktung

..

## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ## 

#ป่อเต็กตึ๊ง ยึดมั่นอุดมการณ์ อยู่เคียงข้างทุกวิกฤต

#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด



EV มาแรง กรมพัฒน์ ชวนอัพสกิลยานยนต์ไฟฟ้า ฟรี

 EV มาแรง กรมพัฒน์ ชวนอัพสกิลยานยนต์ไฟฟ้า ฟรี 

กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดย สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 30 ปราจีนบุรี จัดโครงการฝึกอบรม “เทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่” ระหว่างเดือน ตุลาคม – ธันวาคม 2568 เพื่อยกระดับทักษะแรงงานไทย รองรับการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV)กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด


นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน เล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องของการพัฒนาทักษะแรงงานด้านยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อเตรียมกำลังแรงงานสู่อนาคต รองรับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุค EV อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งไม่เพียงช่วยยกระดับศักยภาพแรงงานไทย แต่ยังสร้างโอกาสการมีงานทำที่มั่นคง และรายได้ที่ยั่งยืนในระยะยาว จึงจัดให้มีการฝึกอบรมที่มุ่งเน้นการฝึกปฏิบัติจริง อาทิ การซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้ายานยนต์ไฟฟ้า (EV Electrical System) การซ่อมบำรุงระบบปรับอากาศยานยนต์ไฟฟ้า การบำรุงรักษารถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV Bike) การประยุกต์ใช้พลังงานแสงอาทิตย์กับสถานีประจุไฟฟ้า การติดตั้งระบบจ่ายไฟฟ้ายานยนต์ไฟฟ้า 

นายเดชา กล่าวต่อว่า  “เทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่” จะช่วยให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน สามารถต่อยอดไปสู่งานด้านเทคนิค ซ่อมบำรุง และบริการเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงเปิดโอกาสสู่อาชีพใหม่ ๆ อาทิ ธุรกิจสถานีชาร์จหรืองานติดตั้งระบบไฟฟ้า EV นอกจากนี้ยังช่วย ยกระดับรายได้และความมั่นคงในอาชีพ เนื่องจากตลาดแรงงานด้านยานยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผู้เข้าร่วมยังได้รับประโยชน์จากการฝึกปฏิบัติจริง และสามารถนำความรู้ไปใช้ได้จริงในชีวิตการทำงาน 


การฝึกอบรมเป็นการอบรมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ระยะเวลา 30 ชั่วโมงต่อหลักสูตร จำกัดเพียง 20 คนต่อรุ่น ผู้สมัครต้องมีพื้นฐานด้านไฟฟ้าหรืออิเล็กทรอนิกส์ และมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ผู้สนใจสมัครได้ที่ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 30 ปราจีนบุรี โทร. 037-290382 อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานกล่าว 


วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2568

สวทช. – สพฐ. – สจล. ปั้นเยาวชน EEC สู่นักสร้างสรรค์อาหารยุคใหม่ในโครงการ “EEC FOOD INNOVATION”

 สวทช. – สพฐ. – สจล. ปั้นเยาวชน EEC สู่นักสร้างสรรค์อาหารยุคใหม่ในโครงการ “EEC FOOD INNOVATION”

เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยฝ่ายบริการวิชาการและการประเมินหลักสูตรด้านพัฒนากำลังคน ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และคณะอุตสาหกรรมอาหาร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) จัดโครงการ “การสร้างสุดยอดผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารและบรรจุภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ของนักเรียนสู่การประกอบอาชีพ (EEC FOOD INNOVATION)” เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเยาวชนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการอาหารรุ่นใหม่ โดยผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ากับภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมต่อเนื่องตลอด 7 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2568 มีนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและครูที่ปรึกษาจาก 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง จำนวน 30 ทีม รวม 150 คน เข้าร่วมโครงการ

นางฤทัย จงสฤษดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายบริการทางวิชาการและการประเมินหลักสูตรด้านพัฒนากำลังคน สวทช. กล่าวว่า โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่วัฒนธรรมสร้างสรรค์ (Creative Culture) ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์สมัยใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์อาหาร มีหลากหลายกิจกรรมประกอบด้วย ค่ายเปิดโลกนวัตกรรมอาหาร จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10–12 มีนาคม 2568 ที่คณะอุตสาหกรรมอาหาร สจล. เปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้พื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร วิศวกรรมการแปรรูป และการออกแบบบรรจุภัณฑ์สมัยใหม่ ก่อนเข้าสู่กระบวนการบ่มเพาะในห้องปฏิบัติการจริง ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม 2568 โดยมีอาจารย์พิเศษและนักศึกษาพี่เลี้ยงจากคณะอุตสาหกรรมอาหาร สจล. ร่วมให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งกิจกรรม Coaching เสริมทักษะการตลาด การวางแผนโมเดลธุรกิจ และการนำเสนอผลงานแบบ Pitching จากผู้เชี่ยวชาญ สวทช. และเครือข่ายภาคเอกชน



กิจกรรมการบ่มเพาะความรู้ ทักษะ และประสบการณ์การทำกิจกรรมในห้องปฏิบัติการด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ทดสอบขั้นสูง และพัฒนาต้นแบบนวัตกรรมอาหารและบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน 

กิจกรรม Coaching  ส่งเสริมความรู้ด้านการตลาด การวางแผนโมเดลธุรกิจ และทักษะการนำเสนอในรูปแบบ Pitching 

โดยตลอดโครงการ นักเรียนทั้ง 30 ทีม ได้พัฒนาต้นแบบนวัตกรรมอาหารและบรรจุภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับวัตถุดิบท้องถิ่นและสะท้อนความคิดสร้างสรรค์ อาทิ กัมมี่สับปะรดเสริมโพรไบโอติกส์ หมึกย่างซอสพริกเกาหลี “สีชัง” บะหมี่ไข่ผำซอสหมูแดง น้ำพริกแมงกะพรุนรสต้มยำ กาแฟทุเรียน เครื่องดื่มไซเดอร์มังคุดเสริมพรีไบโอติก และซอสกระเจี๊ยบผัดไทย

ผลงานของนักเรียนทั้งหมดได้ถูกนำเสนอในงาน EEC Youth Innovation Symposium 2025 เมื่อวันที่ 1–2 สิงหาคม 2568 ที่สวนนงนุช พัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 700 คน โดยทีมชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ “กัมมี่สับปะรดเสริมโพรไบโอติกส์” จากโรงเรียนบ่อทองวงษ์จันทร์วิทยา จ.ชลบุรี รองชนะเลิศอันดับ 1 คือ “น้ำพริกเผาสับปะรดเสริมโปรตีนด้วยปูกะตอย” จากโรงเรียนชลบุรี “สุขบท” และรองชนะเลิศอันดับ 2 คือ “บะหมี่ไข่ผำซอสหมูแดง” จากโรงเรียนโพธิสัมพันธ์พิทยาคาร ส่วนรางวัลชมเชย ได้แก่ “เครื่องดื่มไซเดอร์เวเนก้ามังคุดเสริมพรีไบโอติก” จากโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ จ.ระยอง และ “ซอสพริกสับปะรดปัตตาเวีย” จากโรงเรียนชลบุรี “สุขบท” โดยรางวัล Popular Vote ตกเป็นของ “หมึกย่างซอสพริกเกาหลี สีชัง” จากโรงเรียนเกาะสีชัง


นอกจากนี้นักเรียนทุกทีมที่เข้าร่วมโครงการยังได้รับสิทธิใช้เกียรติบัตรจากโครงการเพื่อยื่นสมัครเข้าศึกษาต่อในคณะอุตสาหกรรมอาหาร สจล. ผ่านระบบ TCAS รอบที่ 1 หรือรอบ Portfolio ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการต่อยอดสู่เส้นทางอาชีพอุตสาหกรรมอาหาร หนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจฐานนวัตกรรมของประเทศ

โครงการ “EEC FOOD INNOVATION” จึงไม่เพียงเป็นเวทีแสดงศักยภาพของเยาวชน แต่ยังเป็นการสร้างรากฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมอาหารไทย โดยผสานความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ากับภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน”

นางสาวจินตนา สุขเจริญ ครูที่ปรึกษาทีม “บะหมี่ไข่ผำ” จากโรงเรียนโพธิสัมพันธ์พิทยาคาร กล่าวว่า ต้องขอบคุณโครงการ EEC Food Innovation ที่ได้เล็งเห็นศักยภาพของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ให้ก้าวไปสู่เวทีชั้นนำ เป็นการเปิดประสบการณ์นอกห้องเรียนให้กับนักเรียน กิจกรรมนี้เป็นประโยชน์กับนักเรียนจะได้เป็นแนวทางในการศึกษาต่อในอนาคต

เช่นเดียวกับนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการที่ต่างบอกว่า กิจกรรมนี้ทำให้ได้รู้จักผู้คนที่มากขึ้น ได้เห็นภาพอนาคตของตนเองที่กว้างขึ้น ได้แสดงศักยภาพของตนเอง และหวังว่าจะมีกิจกรรมและโครงการดี ๆ อย่างนี้ต่อไป

ไทยร่วมประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ย้ำความร่วมมือแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและ climate change

 ไทยร่วมประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ย้ำความร่วมมือแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและ climate change

วันนี้ (4 กันยายน 2568) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหมายให้นางอรนุช หล่อเพ็ญศรี รองปลัดกระทรวงฯ ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย พร้อมด้วยนายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และผู้แทนกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก กระทรวงการต่างประเทศ และกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนกับประเทศคู่เจราจาต่าง ๆ ณ ศูนย์การประชุมนานาชาติลังกาวี เมืองลังกาวี ประเทศมาเลเซีย





การประชุมครั้งนี้ ไทยและประเทศอาเซียนได้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับประเทศคู่เจรจา เพื่อก้าวข้ามความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างยั่งยืน โดยมีการประชุมที่สำคัญ ได้แก่

1. การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน-สหภาพยุโรป ครั้งที่ 1 (1st AEMDEC) โดยที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนนโยบายและการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมทั้งร่วมกันรับรองแผนงานความร่วมมือปี ค.ศ. 2025–2026 และถ้อยแถลงข่าวร่วม (Joint Press Statement) ของ

การประชุมดังกล่าว

2. การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 3 (3rd AJMDEC) ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมและ climate change พร้อมรับรองเอกสารผลลัพธ์สำคัญ ได้แก่

- Joint Statement on the ASEAN-Japan Mutually Beneficial Partnership on Environment and Climate Change for Materializing New Growth

- แผนงานยุทธศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ฉบับปรับปรุง ค.ศ. 2025 (SPACE 2025)

3. การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ 19 (19th APT EMM) ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าความร่วมมือสำคัญ อาทิ การจัดการขยะพลาสติกในทะเล การผลิตและบริโภคที่ยั่งยืน รวมถึงความร่วมมือกับประเทศบวกสาม (จีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี) โดยสมาชิกอาเซียนยังได้เสนอประเด็นความร่วมมือเพิ่มเติม เช่น การแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ มลพิษทางอากาศ การจัดการขยะ และการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของภูมิภาค

กรมวิทยาศาสตร์บริการ ลงพื้นที่ มอ.ปัตตานี พัฒนาห้องปฏิบัติการทดสอบวิเคราะห์คุณภาพอาหาร ตามมาตรฐาน DSS Recognized Laboratory และเตรียมความพร้อมสู่การขอการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025

  กรมวิทยาศาสตร์บริการ ลงพื้นที่ มอ.ปัตตานี พัฒนาห้องปฏิบัติการทดสอบวิเคราะห์คุณภาพอาหาร ตามมาตรฐาน DSS Recognized Laboratory และเตรียมความพ...