รองนายกฯ สุชาติ ประชุม กทช. ครั้งที่ 2/2568 เคาะเกณฑ์ใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลน เพื่อแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินของประชาชน
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ (กทช.) ครั้งที่ 2/2568 โดยมี ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พร้อมด้วยคณะกรรมการฯ และผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
นายสุชาติ ชมกลิ่น กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งนี้ ได้ร่วมกันพิจารณาเรื่องสำคัญ ได้แก่ (ร่าง) ข้อกำหนด หลักเกณฑ์ มาตรการการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ป่าชายเลนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และเขตป่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 โดยพิจารณาการใช้ประโยชน์พื้นที่ในลักษณะแปลงรวม ระยะเวลาในการเข้าอยู่อาศัยและทำกิน เพื่อความเป็นธรรมกับประชาชนที่ได้อยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าชายเลนโดยไม่มีเอกสารสิทธิ์ และแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินของประชาชนในพื้นที่ป่าชายเลนให้ถูกต้อง เป็นไปตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องและสิทธิของผู้ได้รับจัดสรรที่ดิน เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งและข้อพิพาทในภายหลัง คาดว่า จะมีประชาชนได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 106,786 ครัวเรือน พร้อมกันนี้ ตน ได้เน้นย้ำให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเร่งดำเนินการและบูรณาการในการทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมการป้องกันและแก้ไขปัญหาสถานการณ์หญ้าทะเลเสื่อมโทรม พะยูนเกยตื้น และการลักลอบตัดเขี้ยวพะยูนเพื่อการค้า อีกทั้ง ให้กรม ทช. เร่งการขับเคลื่อนการจัดตั้งเขตคุ้มครองทางทะเลโดยชุมชน (LMMAs) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ประเทศไทยจะต้องมีการคุ้มครองพื้นที่ทางทะเลให้ได้ร้อยละ 30 ภายในปี พ.ศ. 2573 ตามพันธกรณีที่สำคัญ
ในที่ประชุม ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี ได้รายงานข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งพื้นที่ 24 จังหวัดชายฝั่ง ในรอบ 6 เดือน (พฤษภาคม - ตุลาคม 2568) พบว่า พื้นที่หญ้าทะเลในภาพรวมฝั่งทะเลอันดามัน (จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง) มีแนวโน้มลดลง ในขณะที่จังหวัดสตูลมีพื้นที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยรวมแล้วพื้นที่การแพร่กระจายของหญ้าทะเลใน 6 จังหวัดดังกล่าว อยู่ที่ประมาณ 53,000 ไร่ ลดลงจากปี 2567 ประมาณ 6,000 ไร่หรือคิดเป็นการลดลงร้อยละ 10 อย่างไรก็ตาม พบสัญญาณการฟื้นตัวของหญ้าทะเลบางชนิด เช่น หญ้าใบมะกรูด หญ้าชะเงาใบมน และหญ้าชะเงาเต่า ในพื้นที่บ้านสะพานช้างและอ่าวดุหยง (ตรัง) อ่าวน้ำเมา (กระบี่) และเกาะลิดี (สตูล) ส่วนหญ้าคาทะเลยังมีสภาพเสื่อมโทรม ขณะเดียวกันพบว่าการจัดทำคอกกั้นหญ้าทะเลที่อ่าวป่าคลอก จังหวัดภูเก็ต ช่วยให้หญ้าทะเลภายในคอกฟื้นตัวดี ใบยาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ ยังมีการค้นพบแหล่งหญ้าทะเลน้ำลึกใหม่ในจังหวัดพังงาและตรัง รวมพื้นที่ประมาณ 5,000 ไร่ ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อความหลากหลายของระบบนิเวศหญ้าทะเลในฝั่งอันดามัน และจากข้อมูลการสำรวจพะยูน โดยใช้อากาศยานไร้คนขับ การสัมภาษณ์ และการมีส่วนร่วมของประชาชน ในพื้นที่เกาะลิบงและพื้นที่ใกล้เคียง พบประชากรพะยูนอยู่ที่ 49 – 56 ตัว โดยจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปี 2568 สำหรับสถานการณ์พะยูนเกยตื้นพบว่า จำนวนการเกยตื้นลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 คือ ลดจาก 19 ตัวเป็น 12 ตัว คิดเป็นการลดลงร้อยละ 36 สาเหตุการตายส่วนใหญ่เกิดจากการป่วย และยังพบการลักลอบตัดหัวซากพะยูนในพื้นจังหวัดกระบี่ จำนวน 1 ตัว นอกจากนี้ ได้รายงานการขับเคลื่อนการจัดตั้งเขตคุ้มครองทางทะเลโดยชุมชน (LMMAs) โดยกรม ทช. ได้ร่วมขับเคลื่อนเป้าหมายนี้อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการส่งเสริมพื้นที่คุ้มครองทางทะเลที่จัดการโดยชุมชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภาพรวมการบริหารจัดการพื้นที่ทางทะเลของประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมาย 30×30 ได้อย่างมีส่วนร่วมและยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานร่วมกับองค์กรต่างๆ
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ (ร่าง) ข้อกำหนด หลักเกณฑ์ มาตรการการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ป่าชายเลน ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และในเขตป่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 จำนวน 2 ฉบับ โดยมอบหมายให้กรม ทช. ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง และปรับปรุงระเบียบกรมฯ ดังนี้ 1) ระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเก็บรักษา และการใช้จ่ายเงินค่าบริการ หรือค่าตอบแทน เพื่อบำรุงรักษาป่าชายเลนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2566 2) ระเบียบว่าด้วยการเก็บค่าบริการหรือค่าตอบแทนสำหรับการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ให้บริการ พ.ศ. 2566 รวมถึงขอความเห็นชอบกระทรวงการคลัง กรณี ไม่นำเงินรายได้ หรือเงินอื่นใดส่งคลัง / หรือบางส่วนพร้อมทั้ง เห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบ หน้าที่และอำนาจ ตาม (ร่าง) คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่พระราชนิเวศน์มฤคทายวันฯ โดยให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งดำเนินการเสนอคำสั่งดังกล่าวต่อประธานกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ เพื่อโปรดพิจารณาลงนาม ต่อไป



















































