วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

12 ปี Amwish สุดอลังการฉลองยิ่งใหญ่จัดงานเชิดชูเกียรตินักธุรกิจดาวเด่น!!

 12 ปี Amwish สุดอลังการฉลองยิ่งใหญ่จัดงานเชิดชูเกียรตินักธุรกิจดาวเด่น!!




เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา บริษัท แอมวิช ยูนิเทค จำกัด นำโดย 2 บอสใหญ่ คุณวิศว์ธิชัย นำทรัพย์เจริญ ประธานกรรมการบริหาร และคุณชัญญรินทร์ กิติสมพรวุฒิ รองประธานกรรมการบริหาร จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 12 ปี สุดยิ่งใหญ่ พร้อมร่วมเฉลิมฉลองและแสดงความยินดีกับนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งบรรยากาศอบอวลไปด้วยความประทับใจ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่มาร่วมงานนี้หลายร้อยชีวิต พร้อมสนุกสุดเหวี่ยงกับปาร์ตี้ และมินิคอนเสิร์ตของ “ฮาย-อาภาพร นครสวรรค์” ณ ห้องประชุม CDC Grand Ballroom ชั้น 2


#Amwish #แอมวิช #แอมวิชยูนิเทค #ครบรอบ12ปี #ข่าวขายตรง #ธุรกิจขายตรง #ธุรกิจเครือข่าย #ขายตรงไทย #MLM #Networkmarketing 

DMT ใช้ไฟฟ้าพลังงานสะอาด100%ที่อาคารสำนักงานและด่าน

 DMT ใช้ไฟฟ้าพลังงานสะอาด100%ที่อาคารสำนักงานและด่าน



ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย บิ๊กบอส DMT เซ็นสัญญาใช้บริการไฟฟ้า UGT1 หรือ “ไฟฟ้าสีเขียว”  จากการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ซึ่งผลิตจากแหล่งพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มาใช้ภายในสำนักงานใหญ่ ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง มุ่งสู่องค์กร Net Zero carbon ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ พร้อมเดินหน้าแผนอื่นๆ ต่อ เพื่อการใช้พลังงานสีเขียวให้ครอบคลุมทั้งสายทางดอนเมืองโทล์ลเวย์ ซึ่งตอนนี้ หลังจากติดโซล่าเซล์ เต็มหลังคา พร้อมแบตเตอร์รี่เก็บไฟฟ้า ร่วมกับการใช้ UGT1 ทำให้อาคารสำนักงาน เป็นไฟฟ้าเขียว 100% อย่างเต็มตัวเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

ททท. เปิดตัวโครงการ "Let Me Be Your Journey” รับอาสาสมัครคนรุ่นใหม่ ร่วมสร้างโมเมนต์แห่งการให้ แบ่งปันความสุขพาเด็กด้อยโอกาสท่องเที่ยว 3 เส้นทาง พัทยา-ชลบุรี-เขาใหญ่ ตลอดสิงหาคมนี้

 ททท. เปิดตัวโครงการ "Let Me Be Your Journey”  รับอาสาสมัครคนรุ่นใหม่ ร่วมสร้างโมเมนต์แห่งการให้ แบ่งปันความสุขพาเด็กด้อยโอกาสท่องเที่ยว 3 เส้นทาง พัทยา-ชลบุรี-เขาใหญ่ ตลอดสิงหาคมนี้

วันที่ 7 กรกฎาคม 2568 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ "Let Me Be Your Journey” อย่างเป็นทางการ โดยมีนายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. เป็นประธานงานแถลงข่าวฯ และได้รับเกียรติจากผู้แทนจากหน่วยงานพันธมิตรเข้าร่วมงาน ณ SCB Next Tech ชั้น 4  ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพมหานคร ททท. ตั้งใจ ชวนเหล่าอาสาสมัครคนรุ่นใหม่  90 คน แบ่งฝันปันความสุข ร่วมทริปออกเดินทางอันแสนพิเศษเพื่อค้นพบความสุขจากการเป็น “ผู้ให้”  นำพากลุ่มผู้ด้อยโอกาส 60 คน เปิดโลกกว้างและเปิดประสบการณ์ผ่านการท่องเที่ยวใน 3 เส้นทาง ได้แก่ 

พัทยา ชลบุรี และเขาใหญ่ ตลอดเดือนสิงหาคม 2568 ขณะนี้เปิดรับอาสาสมัครแล้ว ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน - 15 กรกฎาคม 2568 ทางเว็บไซต์ www.letmebeyourjourney.com


นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า ปี 2568 เป็นปี Amazing Thailand Grand Tourism & Sport Year 2025 ที่เน้นกระตุ้นให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวผ่านการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและสร้างแรงบันดาลใจให้เกิด "Grand Moment" ที่มีความหมายสำหรับนักท่องเที่ยว จึงได้จัดทำโครงการ Let Me Be Your Jouney ภายใต้แนวคิด “Moment of Giving” มุ่งสร้างประสบการณ์การเดินทางที่เปี่ยมด้วยคุณค่าและความหมาย ผ่านกิจกรรมจิตอาสาเชิงท่องเที่ยว ชวนอาสาสมัครคนรุ่นใหม่ 90 คน ร่วมเปิดมุมมองใหม่ของการท่องเที่ยว พร้อมค้นพบความสุขจากการเป็น “ผู้ให้” โดยการพาน้องผู้ด้อยโอกาส จำนวน 60 คน จาก มูลนิธิ Five for All, โรงเรียนบ้านเด็กรามอินทรา-บ้านเด็กตาบอดผู้พิการซ้ำซ้อน, โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ และมูลนิธิเพื่อเด็กพิการ ออกเดินทางเปิดโลกกว้างผ่านการท่องเที่ยวใน 3 เส้นทาง ตลอดเดือนสิงหาคม 2568

สำหรับเส้นทางการท่องเที่ยว จำนวน 3 เส้นทาง ประกอบด้วย เส้นทางที่ 1 ชลบุรี : “ตะลุยชลบุรี เมืองนี้มีความตื่นเต้น” วันที่ 16 สิงหาคม 2568 พาน้อง ๆ ด้อยโอกาสและพิการทางสายตา จำนวน 20 คน ไปกระทบไหล่กับเซเลบดังของสวนสัตว์เขาเขียว "น้องหมูเด้ง" และสัตว์นานาชนิด อิ่มท้องอาหารทะเลสด ๆ และตื่นเต้นกับ"หุบเขาไดโนเสาร์" ที่รวบรวมไดโนเสาร์ขนาดเท่าตัวจริงมากกว่า 400 ชนิดที่สวนนงนุช เส้นทางที่ 2 เขาใหญ่ (นครราชสีมา) : “Adventure เขาใหญ่สนุกสุขใจไปด้วยกัน” วันที่ 23 สิงหาคม 2568  พาน้อง ๆ ผู้ด้อยโอกาส เด็กยากไร้และกำพร้าจำนวน 20 คน ไปปล่อยพลังกับกิจกรรม Soft Adventure ที่ Rootser Khaoyai ก่อนจะไปตะลอนฟาร์มเรียนรู้การรีดนมวัวสดๆ จากเต้า ณ ฟาร์มโชคชัย แวะเติมพลังก่อนกลับที่โชคชัย สเต๊กเฮ้าส์ และเส้นทางที่ 3 พัทยา (ชลบุรี) : “พัทยานี้มีหนาว” วันที่ 30-31 สิงหาคม 2568  พาน้อง ๆ พิการทางสายตาจำนวน 20 คน สู่พัทยาอิ่มอร่อยอาหารทะเลสด ๆ สนุกใกล้ชิดให้อาหารสัตว์หลายชนิดที่ทำฟาร์มดี ตื่นเต้นไปกับประสบการณ์สัมผัสอากาศหนาวในอุณหภูมิติดลบ เพลิดเพลินสวนสนุกเมืองน้ำแข็งที่ FROST Magical Ice Of Siam 

โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและหน่วยงาน สมาคม และภาคเอกชนที่ร่วมแบ่งปันความสุขให้กับน้องๆ ได้แก่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด , SCB Next Tech ,           วิทยาลัยนานาชาติเพื่อศึกษาความยั่งยืน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, Bolt, เพจพลเมืองจิตอาสา, เครือข่ายจิตอาสาและสมาคมจิตอาสา,  บริษัท ทรัพย์เจริญ แทรเวล (2007) จำกัด, In the box  และ Alice Café เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีคุณค่า มีความหมาย และเกิดเป็นความประทับใจจนไม่อาจลืมเลือนอีกด้วย


ดร.ชนัญกร สุวรรณชื่น ประธานมูลนิธิ Five For All กล่าวว่า โครงการ “Let Me Be Your Journey” เปิดโอกาสให้น้องๆ ผู้พิการที่ขาดโอกาสทางสังคมได้ออกเดินทางท่องเที่ยว เพื่อเปิดโลกกว้างและเรียนรู้สิ่งใหม่ โดยกิจกรรมครั้งนี้ไม่เพียงมอบความสุขให้กับน้องผ่านการเดินทางและการดูแลอย่างใกล้ชิดเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างโมเมนต์พิเศษให้กับเหล่าอาสาสมัครที่ได้สัมผัสถึงความสุขจากการเป็นผู้ให้ และเรียนรู้คุณค่าของการแบ่งปันตลอดเส้นทางแห่งการเดินทางร่วมกัน 

นายเกรียงศักดิ์ สุวรภามณีสวัสดิ์ ผู้บริหารกลุ่มงาน GLOBAL PARTNERSHIP MANAGEMENT บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า โครงการ “Let Me Be Your Journey” สะท้อนถึงแนวทางและวิสัยทัศน์ของสยามพิวรรธน์ในการเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสที่มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าให้กับสังคมในหลากหลายมิติ สยามพิวรรธน์รู้สึกยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในการเผยแพร่เรื่องราวอันเปี่ยมพลังของเยาวชน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและสื่อสารคุณค่าของการแบ่งปันในสังคมไทยอย่างแท้จริง พร้อมตอกย้ำจุดยืนขององค์กรที่ให้ความสำคัญต่อความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วมของทุกคน เพื่อขับเคลื่อนสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกันในทุกภาคส่วน

ทั้งนี้ อาสาสมัครที่สนใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งฝันปันความสุข ยังสามารถลงทะเบียน ผ่านเว็บไซต์ www.letmebeyourjourney.com  ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 โครงการฯ จะประกาศรายชื่ออาสาสมัคร จำนวน 90 คน ผ่านทาง www.letmebeyourjourney.com  และ Facebook : Letmebeyourjourney ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 โดยผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดการเข้าร่วมโครงการ Let me be your journey เพิ่มเติมได้ทีเว็บไซต์ www.letmebeyourjourney.com, แฟนเพจเฟสบุ๊ก Letmebeyourjourney และ Line Officail Account : @letmebeyourjourney


สื่อมวลชนสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ภานุ-ภาณุพงษ์ เดชดอนบม โทร. 093-926-6498, ไหม-พิสมัย ด่านยุทธพลชัย   โทร. 086-902-1031,  แยม-สิริธร ปันนารินทร์ โทร 065-746-9626




วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

Dow เปิดตัวนวัตกรรมซิลิโคนเคลือบแผ่นรองสติ๊กเกอร์ “เป็นกลางทางคาร์บอน”ในงาน AWA 2025 กรุงเทพฯ

 Dow เปิดตัวนวัตกรรมซิลิโคนเคลือบแผ่นรองสติ๊กเกอร์ “เป็นกลางทางคาร์บอน”ในงาน AWA 2025 กรุงเทพฯ

 


กรุงเทพฯ – กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย เปิดตัวนวัตกรรมซิลิโคนเคลือบแผ่นลอกกันกาวติด (Silicone Release Coating) ภายใต้ชื่อ “SYL-OFF™ Protect” ซึ่งใช้ผลิตแผ่นรองสติ๊กเกอร์ เทปกาว หรือ ฉลากกาว ที่ได้รับการรับรองความเป็นกลางทางคาร์บอนตามมาตรฐาน PAS 2060 อย่างเป็นทางการ ในงาน AWA Southeast Asia Label and Release Liner Seminar 2025 ณ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเวทีสำคัญของนวัตกรรมล่าสุดในอุตสาหกรรมฉลากและไลเนอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในงานยังมีนวัตกรรมอื่น ๆ ที่คว้ารางวัล Dow Innovation Award ประจำปี 2025 จากความโดดเด่นด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน

 


ดาวได้พัฒนานวัตกรรมกาวซิลิโคนแรงยึดติดสูงแบบไร้สารตัวทำละลาย (Advanced Solventless Pressure Sensitive Adhesives - PSA) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยไม่ใช้ตัวทำละลายเหมือนกาวทั่วไป ใช้งานง่าย ช่วยประหยัดพลังงาน เพิ่มความปลอดภัย และรองรับการใช้งานที่มีความต้องการแรงลอกต่ำและปริมาณการเคลือบที่บาง เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์พลังงานสะอาด และการก่อสร้าง

 


ซิลิโคนเคลือบแผ่นลอกกันกาวติด SYL-OFF™ Protect พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมที่มุ่งสู่ความยั่งยืน ผ่านการรับรองความเป็นกลางทางคาร์บอนตามมาตรฐาน PAS 2060 ซึ่งยังคงคุณภาพและประสิทธิภาพเช่นเดียวกับ SYL-OFF™ รุ่นมาตรฐาน แต่มีจุดเด่นในการช่วยลดการปล่อยคาร์บอน  นอกจากนี้ SYL-OFF™ Protect ยังออกแบบให้รองรับการรีไซเคิลในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ผู้ผลิตวัตถุดิบจนถึงผู้ใช้ปลายทาง สนับสนุนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อย่างแท้จริง​

 


SYL-OFF™ แบรนด์สำหรับซิลิโคนเคลือบแผ่นลอกกันกาวติด (Silicone Release Coating) มีทั้งแบบไร้สารตัวทำละลาย แบบมีสารตัวทำละลาย และแบบอีมัลชัน ครอบคลุมการใช้งานตั้งแต่ฉลาก บรรจุภัณฑ์อาหาร สุขอนามัย ไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ทั้งภาครัฐบาล ธุรกิจ และผู้บริโภคต่างต้องการผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน ลดการใช้พลังงาน และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน ทำให้ความมุ่งมั่นและการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องในด้านกาวแรงยึดติดสูงและสารเคลือบซิลิโคนที่ยั่งยืนของดาว ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้เข้าร่วมงาน AWA ในครั้งนี้” โบ พาร์ค ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและหัวหน้ากลุ่มธุรกิจกาวและสารเคลือบ บริษัท ดาว กล่าว

 

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.dow.com/PSI

 

###

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แสดงความยินดี “ทัศนพล อินทรภูวศักดิ์” สร้างประวัติศาสตร์ คว้าชัยชนะ FIA F3 ที่ซิลเวอร์สโตน เป็นคนไทยคนแรกที่ทำได้

 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แสดงความยินดี “ทัศนพล อินทรภูวศักดิ์” สร้างประวัติศาสตร์ คว้าชัยชนะ FIA F3 ที่ซิลเวอร์สโตน เป็นคนไทยคนแรกที่ทำได้

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งกับ นายทัศนพล อินทรภูวศักดิ์ นักแข่งรถดาวรุ่งชาวไทยวัย 18 ปี ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ด้วยการคว้าชัยชนะอันดับหนึ่งในการแข่งขัน FIA Formula 3 Sprint Race ณ สนาม ซิลเวอร์สโตน เซอร์กิต ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2568 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่นักแข่งไทยสามารถคว้าชัยในรายการระดับโลกเช่นนี้


นายสรวงศ์ กล่าวว่า “ชัยชนะของทัศนพลในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นความภาคภูมิใจของครอบครัวและวงการมอเตอร์สปอร์ตเท่านั้น แต่ยังเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของเยาวชนไทยบนเวทีระดับโลก พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬารุ่นใหม่ และส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะประเทศที่มีศักยภาพด้านกีฬาในทุกมิติ


การคว้าชัยในสนามระดับตำนานอย่างซิลเวอร์สโตน ถือเป็นก้าวสำคัญในเส้นทางอาชีพของทัศนพล โดยเขาเป็นตัวแทนจากทีม Campos Racing และสามารถคว้าชัยชนะจากกริดสตาร์ตอันดับหนึ่งในระบบ Reverse Grid ได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยผลงานที่โดดเด่นเหนือคู่แข่งนานาประเทศ


กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมให้การสนับสนุนและผลักดันศักยภาพของนักกีฬาทุกประเภท โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มุ่งมั่นตั้งใจอย่างแท้จริง เพื่อร่วมกันยกระดับวงการกีฬาไทยสู่สากล และส่งเสริม Soft Power ของประเทศผ่านกีฬาอย่างยั่งยืน

TCEB ร่วมกับ THACCA เปิดเวที “อวดเมือง 2568 The Pitching” เฟ้นหาเมืองต้นแบบ ดันเทศกาลไทยสู่เวทีโลกขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านวัฒนธรรม พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมสัมผัสเทศกาลแห่งความหวังของเมืองไทย​ 8–11 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

 TCEB ร่วมกับ THACCA เปิดเวที “อวดเมือง 2568 The Pitching” เฟ้นหาเมืองต้นแบบ ดันเทศกาลไทยสู่เวทีโลกขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านวัฒนธรรม พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมสัมผัสเทศกาลแห่งความหวังของเมืองไทย​ 8–11 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

กรุงเทพฯ, 8 กรกฎาคม 2568 – สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB องค์กรหลักขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์แห่งชาติ ร่วมกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ สาขาเฟสติวัล สำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์  หรือ  THACCA : Thailand Creative Content Agency จัดโครงการ "อวดเมือง 2568 The Pitching" ภายใต้เทศกาลสำคัญ SPLASH - Soft Power Forum 2025 เพื่อค้นหาจังหวัดต้นแบบที่สามารถขับเคลื่อนเทศกาลผ่านพลังของชุมชน โดยพัฒนาเทศกาลให้เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมหรือธุรกิจในพื้นที่ สามารถต่อยอดสู่ระดับประเทศและระดับนานาชาติ สร้างมูลค่าเพิ่มในเชิงเศรษฐกิจ วัฒนธรรม ที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน  การจัดงานครั้งประวัติศาสตร์นี้จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคม 2568 ณ Hall 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร

การปฏิวัติแนวคิดเทศกาลไทย: จากการฉลองสู่กลไกเศรษฐกิจ

โครงการ "อวดเมือง 2568 The Pitching" ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการนิยามเทศกาลไทยใหม่ โดยขยายจากมุมมองดั้งเดิมที่มองเทศกาลเป็นเพียงกิจกรรมเฉลิมฉลองประจำปี และยกระดับให้เป็น "กลไกเศรษฐกิจสร้างสรรค์" ที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอย่างครบมิติ ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสังคม ด้วยการบูรณาการระหว่างอัตลักษณ์ท้องถิ่น การบริหารจัดการแบบมืออาชีพ และพลังความร่วมมือของชุมชนและจากทุกภาคส่วน และทำให้ Ecosystems ของการจัดเทศกาลระดับท้องถิ่นเข้มแข็งขึ้น ด้วยการนำทักษะใหม่มาใช้ในการจัดการ จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็น “ประเทศแห่งเทศกาล” อย่างแท้จริง ที่วัฒนธรรมพบการค้าและชุมชนได้รับประโยชน์อย่างยั่งยืน  และเทศกาลเหล่านี้จะได้รับการแปลงสู่สินทรัพย์เชิงยุทธศาสตร์ที่มีความสามารถในการสร้างรายได้หมุนเวียน ดึงดูดการลงทุน และยกระดับความภาคภูมิใจของชุมชน

ในวิสัยทัศน์ใหม่นี้ เทศกาลไม่เพียงแต่ทำหน้าที่สร้างการรับรู้และเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางสังคม แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของห่วงโซ่คุณค่าทางเศรษฐกิจที่ซับซ้อน ผ่านการเชื่อมโยงกับกิจกรรมไมซ์ การสร้างเครือข่ายธุรกิจ และการกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง อาทิ งานจับคู่ธุรกิจ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรม การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ การขยายแบรนด์ และการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระหว่างภาคเอกชนและท้องถิ่น

การแข่งขันระดับชาติ: จาก 77 จังหวัดสู่ 12 ผู้ชิงชัย

การดำเนินโครงการนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการค้นหาและบ่มเพาะศักยภาพเทศกาลไทยอย่างเป็นระบบ เริ่มต้นด้วยการเปิดกว้างให้จังหวัดทั้ง 77 จังหวัดเข้าร่วมในกระบวนการชี้แจงและเรียนรู้ ก่อนที่จะมีจังหวัดที่แสดงความมุ่งมั่นจริงจังส่งใบสมัครเข้าร่วมถึง 51 จังหวัด ผ่านกระบวนการคัดกรองที่เข้มข้นใน The First City Pitch เมื่อวันที่ 29-30 เมษายน 2568 จำนวน 41 จังหวัดได้ผ่านเข้าสู่รอบการนำเสนอ และในที่สุดได้คัดเลือกเหลือเพียง 12 จังหวัดที่มีความโดดเด่นและศักยภาพในการแปลงเทศกาลให้เป็นเครื่องมือพัฒนาเมืองอย่างแท้จริง

จังหวัดที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ประกอบด้วย กาญจนบุรี ขอนแก่น จันทบุรี เชียงราย นครราชสีมา พิษณุโลก เพชรบุรี แพร่ เลย ศรีสะเกษ สุโขทัย และอุบลราชธานี แต่ละจังหวัดจะนำเสนอแนวคิดเทศกาลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเชื่อมโยงอย่างชาญฉลาดกับอุตสาหกรรมหลักและอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของพื้นที่

ประสบการณ์ 4 วันแห่งการเรียนรู้และแรงบันดาลใจ

งาน "อวดเมือง 2568 The Pitching" ได้รับการออกแบบให้เป็นประสบการณ์ที่ครอบคลุมและเข้าถึงได้สำหรับสาธารณชนทุกกลุ่ม โดยจัดเต็มด้วยกิจกรรมที่หลากหลายและเชื่อมโยงกันตลอด 4 วัน

City Showcase: The Dreambox ถือเป็นหัวใจสำคัญของงาน ซึ่งนำเสนอ "กล่องแห่งความฝันของเมือง" จาก 12 จังหวัด ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสการเล่าเรื่องที่ซาบซึ้งผ่านมิติทั้งสาม คือ ความน่าอยู่ที่สะท้อนคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม ความน่าเที่ยวที่เปี่ยมไปด้วยศิลปะ ประเพณี และวิถีชีวิต และความน่าลงทุนที่แสดงถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พร้อมด้วยของชำร่วยเทศกาลที่ได้รับการออกแบบอย่างประณีตเฉพาะสำหรับแต่ละจังหวัด

City Pitching Stadium เป็นเวทีที่เข้มข้นและตื่นเต้น ที่ผู้ชมจะได้เป็นพยานในการแข่งขันนำเสนอแนวคิดเทศกาล โดยการคัดเลือกจะดำเนินการใน 2 ระยะ คือ การคัดเลือก 3 จังหวัดเข้ารอบสุดท้ายในวันที่ 10 กรกฎาคม และการประกาศ 2 จังหวัดนำร่องเจ้าภาพอวดเมือง ในวันที่ 11 กรกฎาคม

ชุดเสวนา "อวดเมือง" ระดับผู้เชี่ยวชาญ เปิดให้สาธารณชนเข้าฟังโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ครอบคลุมตลอด 4 วันด้วยเนื้อหาที่ลึกซึ้งและปฏิบัติได้จริง 

8 กรกฎาคม: "อวดเมืองให้ปัง! ฟังแล้วอยากบอกต่อ" การเจาะลึกศิลปะของการเล่าเรื่องที่สร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นการมีส่วนร่วม

9 กรกฎาคม: "อวดเมืองให้ยั่งยืนด้วย Revenue Model" และ "สร้างแบรนด์อวดเมือง" การถ่ายทอดความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับการสร้างรายได้ด้วยเทศกาลและการพัฒนาแบรนด์เมืองให้ยั่งยืน

11 กรกฎาคม: "อวดไทยให้โลกเห็น" การสำรวจแนวทางการยกระดับเทศกาลไทยสู่มาตรฐานสากลและการแข่งขันในเวทีโลก

City Show การแสดงที่หลากสีสัน นำเสนอการแสดงสดแบบ immersive จาก 10 จังหวัด ที่จะพาผู้ชมเดินทางผ่านภูมิทัศน์วัฒนธรรมที่หลากหลายของไทย ตั้งแต่หมอลำอีสานที่เปี่ยมพลัง ฮิปฮอปโคราชที่ทันสมัย ไปจนถึงการแสดงร่วมสมัยที่สร้างสรรค์

นิทรรศการ My City My Pride เป็นพื้นที่โต้ตอบที่ล้ำสมัย ที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องผ่าน Sound Booth และการสร้างคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ภายใต้ปรัชญา People's Festival ที่เชื่อมั่นในพลังของประชาชน

โครงการนี้เปิดกว้างให้สาธารณชนเข้าร่วมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และสร้างโอกาสในการมีส่วนร่วมที่หลากหลาย ผ่าน Online Popular Vote ระหว่างวันที่ 26 มิถุนายน ถึง 18 กรกฎาคม 2568 ผ่าน Facebook: TCEB Domestic MICE โดยจังหวัดที่ได้รับความนิยมสูงสุดจะได้รับแพ็กเกจสื่อประชาสัมพันธ์ที่มีมูลค่าเกินกว่า 500,000 บาท

ภายในงาน Popular Vote On Ground เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้แสดงความคิดเห็นและเลือกจังหวัดที่สร้างความประทับใจให้ได้ทุกวัน พร้อมด้วยของรางวัลที่น่าสนใจและ Giftset พิเศษ รวมถึงกิจกรรม Leaflet Rally Stamp ที่ท้าทายให้ผู้เข้าชมได้สำรวจ The Dreambox ครบทั้ง 12 จังหวัดและสะสมตราประทับเป็นที่ระลึก

นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนให้ผู้เข้าร่วมงานได้บันทึกและแบ่งปันประสบการณ์ผ่าน Sound Booth และการสร้างคอนเทนต์บนแพลตฟอร์ม Facebook และ TikTok เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของ People's Festival อย่างแท้จริง

ผลกระทบต่อภูมิทัศน์อุตสาหกรรมไมซ์และเศรษฐกิจท้องถิ่น

เทศกาลที่ประสบความสำเร็จในศตวรรษที่ 21 จำเป็นต้องประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญสามประการ คือ แนวคิดที่ชัดเจนและมีความแตกต่างเฉพาะตัว การบริหารจัดการที่มีความยั่งยืนและไม่ผูกติดกับงบประมาณภาครัฐเพียงอย่างเดียว และการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงจากทุกภาคส่วนในสังคม เมื่อเทศกาลเหล่านี้เติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จะกลายเป็น "ฤดูกาลลงทุนประจำปี" ของเมือง ที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องผ่านพื้นที่เชิงพาณิชย์ ระบบการจำหน่ายบัตร และการเชื่อมโยงธุรกิจท้องถิ่นเข้ากับเครือข่ายการลงทุนระดับชาติและนานาชาติ

ก้าวสู่อนาคตของเทศกาลไทย

จังหวัดที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 2 จังหวัดนำร่องจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มรูปแบบในการจัดเทศกาลต้นแบบที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงในพื้นที่ปี 2569 พร้อมทั้งการพัฒนาต่อยอดให้เป็นเทศกาลประจำเมืองที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศ และมีศักยภาพในการขยายผลสู่เวทีการแข่งขันนานาชาติ


เกี่ยวกับ TCEB: องค์กรผู้นำการเปลี่ยนแปลง

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB เป็นหน่วยงานภาครัฐที่มีความสำคัญยิ่งภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี โดยมีพันธกิจในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมการจัดงานเชิงธุรกิจอย่างครอบคลุม ตั้งแต่การจัดประชุมองค์กร การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล การจัดประชุมนานาชาติ นิทรรศการและงานแสดงสินค้านานาชาติ ไปจนถึงการจัดกิจกรรมพิเศษ เมกะอีเวนต์ และเทศกาลนานาชาติ

TCEB มุ่งมั่นที่จะผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการจัดงานระดับนานาชาติ พร้อมทั้งสร้างรายได้และขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ กระจายรายได้และความเจริญไปสู่ทุกภูมิภาคอย่างยั่งยืน และยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย


พบกันวันที่ 8–11 กรกฎาคม 2568

ณ Hall 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC)

เข้าร่วมฟรี! ตลอดทั้งงาน  ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่

และรับชมกิจกรรมบนเวทีทุกวัน ผ่าน Facebook LIVE: TCEB Domestic MICE

#อวดของดีบ้านฉัน #MyCityMyPride #อวดเมือง2568 #อวดเมืองพาวิลเลี่ยน #TCEB #THACCA #SPLASHSoftPowerForum2025

กรมพัฒน์ฯ ลุยหนัก! เทรนช่างยานยนต์ไฟฟ้า–เทคโนโลยีอุตสาหกรรม เปิด 4 คอร์สเด็ดตลอดกรกฎาคม

 กรมพัฒน์ฯ ลุยหนัก! เทรนช่างยานยนต์ไฟฟ้า–เทคโนโลยีอุตสาหกรรม เปิด 4 คอร์สเด็ดตลอดกรกฎาคม

กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดรับสมัครฝึกอบรมด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า 4 หลักสูตร ตลอดเดือนกรกฎาคม 2568 ตั้งเป้าปี 2569 ยกระดับทักษะแรงงานอีก 15,000 คน

นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์  อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้านอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ มีความต้องการแรงงานเข้ามาทำงานในโรงงานเปิดใหม่ในหลายสาขากว่า 5,000 คน ทั้งนี้ กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานซึ่งมีหน่วยฝึกอบรมเฉพาะทางด้านดังกล่าว จึงได้มุ่งเป้าจัดฝึกอบรมให้ความรู้ เพื่อยกระดับทักษะแรงงานด้านเทคโนโลยีชั้นสูง รองรับการขยายตัวการลงทุนในอุตสาหกรรมด้านยานยนต์อย่างเต็มรูปแบบ

นายเดชา กล่าวต่อไปว่า ปี 2568 กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน มีเป้าหมายฝึกอบรมให้แก่แรงงานด้านยานยนต์ จำนวน 3,000 คน ปัจจุบันดำเนินการแล้ว 3,001 คน และปี 2569 ตั้งเป้าฝึก 15,000 คน โดยสถาบันพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ (AHRDA) จ.สมุทรปราการ จะเปิดฝึกอบรมฟรี ประจำเดือนกรกฎาคม 2568 ทั้งหมด 4 หลักสูตร ระยะเวลาการฝึก 30 ชั่วโมง ประกอบด้วย 1. ช่างซ่อมบำรุงยานยนต์ไฟฟ้า อบรมวันที่ 7-10 กรกฎาคม เรียนรู้เกี่ยวกับหลักการเบื้องต้นและโครงสร้างระบบยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ และมอเตอร์ในยานยนต์ไฟฟ้า การใช้เครื่องมือวัดทางไฟฟ้า ระบบขับเคลื่อนและส่งกำลังระบบไฟฟ้า โปรแกรมและซอฟต์แวร์ในการควบคุมยานยนต์ไฟฟ้า การวิเคราะห์และแก้ปัญหาอาการเสียเบื้องต้นของยานยนต์ไฟฟ้า การฝึกปฏิบัติและเทคนิคการซ่อมบำรุงยานยนต์ไฟฟ้า 2.  SOLIDWORKS Advance Part อบรมวันที่ 17-18 และ 24-25 กรกฎาคม เรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการออกแบบและการจัดการ Part ชิ้นงานหลายชั้น การออกแบบชิ้นงาน 3 มิติ ด้วยคำสั่ง Sweeping และ Curve Feature  เทคนิคการสร้างชิ้นงานที่ซับซ้อน ด้วยคำสั่ง Loft และ Boundary Features เทคนิคการใช้คำสั่ง Filleting และการจัดการ Boundary Features 3. การควบคุมเซอร์โวมอเตอร์ในงานอุตสาหกรรม อบรมวันที่ 8-9 และ 15-16 กรกฎาคม หัวข้อ โครงสร้างและหลักการทำงาน Servo Motor การต่อสายสัญญาณควบคุมการทำงาน การเขียนโปรแกรมควบคุม การแสดงผลการทำงาน และสาเหตุการบกพร่องของอุปกรณ์การซ่อมบำรุงรักษา 4. การพัฒนาบุคลากรหน้างานด้วยรูปแบบ Trio-O (OJT – OJC – OJD) สำหรับผู้ที่ทำงาน HRD และระดับหัวหน้างานขึ้นไป อบรมวันที่ 22-23 และ 31 ก.ค. – 1 ส.ค. เช่นหัวข้อ การพัฒนาบุคลากรและการเป็นหัวหน้างานที่ดี ความท้าทายในการพัฒนาคนในปัจจุบันและอนาคต ขั้นตอนการทำ OJD ร่วมกับการสนับสนุนงานที่ท้าทาย เป็นต้น คุณสมบัติ สำเร็จการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือเทียบเท่า มีประสบการณ์การทำงาน หรือประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้อง 


นอกจากนี้ ในเดือนสิงหาคม ยังมีแผนเปิดฝึกอบรมอีกหลายหลักสูตรด้วยกัน สามารถติดตามดูข้อมูลได้ที่ เว็บไซต์กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน www.dsd.go.th หัวข้อกำหนดการฝึกอบรม หรือสอบถาม สถาบันพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ (AHRDA) 0 2315 3789 06 3328 5885 Line: @ahrda อธิบดีเดชากล่าวทิ้งท้าย

วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดกิจกรรมการแข่งขันโบว์ลิ่งการกุศล ชิงถ้วยประทานพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ

 สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย  ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดกิจกรรมการแข่งขันโบว์ลิ่งการกุศล  ชิงถ้วยประทานพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ





สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กำหนดจัดการแข่งขันโบว์ลิ่งการกุศล ชิงถ้วยประทาน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ในวันเสาร์ที่ 5​กรกฎาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 12.00 น. - 17.30 น. เป็นต้นไป ณ Blu-O Rhythm & Bowl ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ฝั่ง South กรุงเทพมหานคร  กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 93 พรรษา และเพื่อน้อมรำลึกในพระกรุณาธิคุณ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ที่ทรงรับเป็นประธานกิตติมศักดิ์ของคณะกรรมการร่วมใจสงเคราะห์ชุมชน สภาสังคมสงเคราะห์ฯ  ทั้งนี้ เพื่อร่วมกันหารายได้สมทบ “กองทุนพระราชทานช่วยเหลือการศึกษาเด็กยากจนใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” และเพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนยากจนและขาดแคลนโอกาส ทางการศึกษาทั่วประเทศ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคโดยในพิธีเปิดการแข่งขัน สภาสังคมสงเคราะห์ฯ ได้รับเกียรติจาก ร้อยตำรวจโท ดร.มนัส   โนนุช  ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ เป็นประธานในพิธีเปิดกรวยถวายสักการะหน้าพระฉายาลักษณ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ และกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ


การแข่งขันครั้งนี้เปิดรับสมัครทั้งในรูปแบบ ทีมกิตติมศักดิ์ ทีมละ 30,000 บาท และ 

ทีมทั่วไป ทีมละ 10,000 บาท รวมถึงเปิดรับการบริจาคโดยไม่เข้าร่วมการแข่งขันเพื่อสนับสนุนกิจกรรมด้านการศึกษาแก่เด็กยากจน  หลังจบการแข่งขัน จะมีงานเลี้ยงรับรอง ณ โรงแรม Novotel Bangkok 


ชั้น B1 ห้อง CM SQUARE เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป โดยจะมีการมอบถ้วยรางวัลพระราชทาน 


รางวัลเกียรติยศต่างๆ อาหารค่ำสุดพิเศษ 16 รายการ พร้อมเครื่องดื่ม และมินิคอนเสิร์ต  สามารถร่วมบริจาคเพื่อสนับสนุนกิจกรรมครั้งนี้ได้ที่ สำนักหารายได้ สภาสังคมสงเคราะห์ฯ โทรศัพท์ 095-958-2849 และ E-mail : community.fund@ncswt.or.th หรือ LINE ID : community.fund


“รมว.นฤมล”สั่ง สพฐ.-สพท.สอบข้อเท็จจริง "ครูกาญจนบุรี" ร้องขอความเป็นธรรม หลังถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด พร้อมเคียงข้างให้ความช่วยเหลือ เตรียมหารือทบทวนบทบาท-ภาระงานครู ลดงานที่ไม่เกี่ยวการสอน

 “รมว.นฤมล”สั่ง สพฐ.-สพท.สอบข้อเท็จจริง "ครูกาญจนบุรี" ร้องขอความเป็นธรรม หลังถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด พร้อมเคียงข้างให้ความช่วยเหลือ เตรียมหารือทบทวนบทบาท-ภาระงานครู ลดงานที่ไม่เกี่ยวการสอน

6 กรกฎาคม 2568 - น.ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนได้รับรายงานกรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ร้องขอความเป็นธรรม ภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยตนได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัดแล้ว

จากรายงานพบว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ ยืนยันกระทรวงศึกษาธิการพร้อมช่วยเหลืออย่างเต็มที่ หากไม่มีส่วนรู้เห็น และไม่ได้ร่วมกระทำความผิด พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจ“ศ.ดร.นฤมล ระบุ

ศ.ดร.นฤมล กล่าวย้ำว่า ครู คือ บุคคลสำคัญเป็นต้นแบบหรือแบบพิมพ์ที่ใช้หล่อหลอมนักเรียนให้เป็นคนดี และมีคุณภาพของสังคม หน้าที่หลักครูคือการถ่ายทอดความรู้และอบรมสั่งสอนนักเรียนให้เป็นคนดี มีความรู้ มีความสามารถ และมีคุณธรรม ทั้งนี้ ตนเองจะหารือกับผู้บริหาร ศธ. เพื่อทบทวนบทบาทภาระงานของครูที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง เพื่อลดภาระให้กับครู ให้ครูทำหน้าที่อย่างเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน

 สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน

วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่

เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น

ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว

วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

“โฮมโปร” พลิกโมเดลบริการค้าปลีก!! จัดกิจกรรม “ซ่อมฟรี! เครื่องใช้ไฟฟ้า” ปลื้มกระแสตอบรับดี คนแห่นำของมาซ่อมทุกสาขา​ สะท้อนความเชื่อมั่น พร้อมเปิดพื้นที่ให้นร.อาชีวะปฏิบัติจริง ‘สร้างทักษะ-สร้างโอกาส-สร้างคุณค่าสู่สังคม’

 “โฮมโปร” พลิกโมเดลบริการค้าปลีก!! จัดกิจกรรม “ซ่อมฟรี! เครื่องใช้ไฟฟ้า” ปลื้มกระแสตอบรับดี คนแห่นำของมาซ่อมทุกสาขา​ สะท้อนความเชื่อมั่น พร้อมเปิดพื้นที่ให้นร.อาชีวะปฏิบัติจริง ‘สร้างทักษะ-สร้างโอกาส-สร้างคุณค่าสู่สังคม’

 


บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” เผยกิจกรรม “ซ่อมฟรี! เครื่องใช้ไฟฟ้า” 

ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4–6 กรกฎาคม 2568 (3 วันเท่านั้น) ณ โฮมโปร และเมกาโฮมทุกสาขา ได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ตั้งแต่วันแรกที่มีการจัดกิจกรรม มีลูกค้านำเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก อาทิ พัดลม หม้อหุงข้าว เตารีด และอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน เข้ารับบริการตรวจเช็กและซ่อมแซมฟรีอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพของการบริการจากช่างโฮมโปร การเข้าถึงที่ง่าย สะดวก จริงใจ และเป็นการตอกย้ำบทบาทของแบรนด์ในฐานะผู้นำด้านโซลูชันเรื่องบ้าน (Home Solution & Living Experience) ที่เข้าถึงได้จริงในทุกพื้นที่

นายธีรพล รอดเฉื่อย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานจัดส่งและติดตั้ง บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” กล่าวว่า “เสียงตอบรับจากลูกค้าในทุกสาขาเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญอย่างยิ่ง และเรารู้สึกภูมิใจที่กิจกรรมนี้สามารถช่วยเหลือลูกค้าได้จริง และลดภาระค่าซ่อม ทำให้สินค้ากลับมาใช้งานได้อีกครั้ง พร้อมทั้งกิจกรรมนี้ยังเปิดโอกาสให้นักเรียนอาชีวะได้แสดงศักยภาพในสภาพแวดล้อมของงานบริการจริง นี่คือความตั้งใจของโฮมโปรในการเป็นมากกว่าร้านค้าปลีก แต่คือผู้นำด้านโซลูชันเรื่องบ้าน (Home Solution & Living Experience) ที่พร้อมดูแลลูกค้าตลอดช่วงระยะเวลาของการใช้สินค้าและบริการ และที่สำคัญยังเชื่อมโยงคุณภาพชีวิต การศึกษา และสังคมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ผ่านกิจกรรม “ซ่อมฟรี! เครื่องใช้ไฟฟ้า” ให้ลูกค้าได้เลือกช้อปสินค้า พร้อมรับบริการจากช่างโฮมโปร ทีมช่างคุณภาพในราคาสุดพิเศษ อาทิ บริการล้างเครื่องใช้ไฟฟ้า บริการติดตั้งอุปกรณ์ หรือบริการช่างฉุกเฉินแบบครบวงจร 


ซ่อมฟรี!! เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกรุ่น ทุกแบรนด์ 

*เช็คเงื่อนไขการรับสิทธิ์ได้ที่ : https://www.homepro.co.th/sales/CHANGDAY_TC* 

ฟรี!! ค่าแรงซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า มูลค่าสูงสุด 1,500.- ไม่รวมค่าอะไหล่และอุปกรณ์ (จำกัด 2 ชิ้น/1 สมาชิกโฮมการ์ด)

บริการซ่อมชิ้นที่ 3 เป็นต้นไป รับส่วนลดค่าแรงซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า 50% ไม่รวมค่าอะไหล่และอุปกรณ์

3 วันเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 4-6 ก.ค.68 (เวลา 9.00-18.00 น.) ที่โฮมโปร และเมกาโฮม ทุกสาขา

รับสิทธิ์ซ่อมฟรี เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Chang HomePro (ช่างโฮมโปร) และแสดงคูปองซ่อมฟรีต่อเจ้าหน้าที่ และลงทะเบียนซ่อม **สงวนสิทธิ์เฉพาะสมาชิกโฮมการ์ดเท่านั้น**

สำหรับบริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก : ลูกค้าต้องนำเครื่องใช้ไฟฟ้ามาลงทะเบียน และส่งซ่อม ณ จุดบริการซ่อมฟรี!!! เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่สาขาโฮมโปร และเมกาโฮม ทุกสาขา

สำหรับบริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ (ที่ไม่สามารถขนย้ายได้) : ลูกค้าลงทะเบียนซ่อมที่สาขาโฮมโปร และเมกาโฮม ทุกสาขา *ไม่จำเป็นต้องขนย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าเอง*


ซื้อ 1 แถม 1 ล้างแอร์ติดผนัง

ซื้อบริการล้างแอร์ติดผนัง 1 เครื่อง แถมฟรีอีก 1 เครื่อง มูลค่า 650.- ไม่จำกัดจำนวน

โปรโมชันเฉพาะช่องทางแอปพลิเคชัน และไลน์ Chang HomePro เท่านั้น ส่งซ่อม ณ จุดบริการซ่อม ที่สาขาโฮมโปร และเมกาโฮมทุกสาขา

นอกจากจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนในช่วงเศรษฐกิจที่ท้าทาย กิจกรรมในครั้งนี้ยังเป็นพื้นที่การเรียนรู้ภาคปฏิบัติให้นักเรียนสายอาชีวะจากหลากหลายสถาบันทั่วประเทศ ได้ลงมือปฏิบัติงานจริงเคียงข้างทีมช่างมืออาชีพจากช่างโฮมโปร 

ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ภายใต้แนวคิด “สร้างงาน สร้างอาชีพให้เด็กไทย” ที่โฮมโปรให้ความสำคัญและมุ่งมั่นขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมโยงโอกาสทางการศึกษาเข้ากับการพัฒนาทักษะอาชีพอย่างเป็นรูปธรรม


พบกับกิจกรรม “ซ่อมฟรี! เครื่องใช้ไฟฟ้า” ได้ที่โฮมโปร และเมกาโฮมทุกสาขา หรือผ่านช่องทางออนไลน์ของ

โฮมโปร ไม่พลาดทุกโอกาสดีๆ ในการดูแลบ้าน พร้อมร่วมสร้างคุณค่าให้กับสังคมไปด้วยกัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. Call Center 1284 หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.homepro.co.th, Facebook : HomePro Thailand และ Line Official : @Changhomepro

ดีเดย์ 5 ก.ค. 1 ปี มีแค่ 1 วัน กับ “ตลาดความรู้”ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 22 กรมการแพทย์แผนไทยฯ เชิญชวนประชาชนร่วมเสริมทักษะความรู้ดูแลสุขภาพด้วยศาสตร์องค์รวม

 ดีเดย์ 5 ก.ค. 1 ปี มีแค่ 1 วัน กับ “ตลาดความรู้”ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 22 กรมการแพทย์แผนไทยฯ  เชิญชวนประชาชนร่วมเสริมทักษะความรู้ดูแลสุขภาพด้วยศาสตร์องค์รวม

    กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เชิญชวนประชาชนที่สนใจ ร่วมอบรมตลาดความรู้  เสริมทักษะความรู้การดูแลสุขภาพด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก พบกัน        วันที่ 5 กรกฎาคม 2568 1 ปี มีแค่ 1 วัน เท่านั้น

นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดเผยว่า ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 22 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 2 - 6 กรกฎาคม 2568 โดยวันที่ 5 กรกฎาคม มีไฮไลท์สำคัญ คือ“ตลาดความรู้” ด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก จึงขอเชิญชวนประชาชนที่สนใจการดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพร เข้าร่วมรับฟังความรู้จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ที่จะมาบรรยายตลอดวัน ตั้งแต่เวลา 09.00–17.00 น. แบ่งเป็น  3 ช่วงเวลา โดยแต่ละหัวข้อจะจัดในห้องประชุมต่างกัน ดังนี้

ช่วงเช้า เวลา 09.00–11.00 น. ห้อง PHOENIX 2: “นวดเหยียบเส้นพ่อแม่ แก้ปวดเมื่อยดีแล” โดย มูลนิธิพัฒนาการแพทย์แผนไทย ห้อง PHOENIX 3: “การนวดบำบัดอาการปวดนิ้ว ข้อมือ ข้อศอก และหัวไหล่” โดย สมาพันธ์แพทย์แผนไทย    แห่งประเทศไทย ห้อง PHOENIX 4: “บำบัดสุขภาพด้วยชาสมุนไพรตามธาตุเจ้าเรือน” โดย ศูนย์การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ห้อง PHOENIX 5: “บุหงารำไป สุคนธบำบัดในรูปแบบยาดมสมุนไพรตามธาตุเจ้าเรือน ด้วยน้ำมันหอมระเหย”    โดย กองพัฒนายาแผนไทยและสมุนไพร ห้อง PHOENIX 6: “สุคนธบำบัดสเปรย์อโรมาจากธรรมชาติ คลายกังวล สดชื่น กระปรี้กระเปร่า หลับสบาย” โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย

ช่วงกลางวัน เวลา 12.00–14.00 น. ห้อง PHOENIX 2 : “การนวดแก้อาการตะคริว” โดย มูลนิธิพัฒนาการแพทย์แผนไทยห้อง PHOENIX 3: “เทคนิคการสัมผัสเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น และบรรเทาความเจ็บป่วย” โดย สถาบันการแพทย์ทางเลือก   ห้อง PHOENIX 4: “ครีมทาส้นเท้าแตก” โดย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ห้อง PHOENIX 5: “การใช้ยาน้ำมันร่วมกับการนวดในการดูแลสุขภาพ” โดย วิทยาลัยการแพทย์แผนไทยและอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี ห้อง PHOENIX 6: Kombucha & Probiotic ทางเลือกใหม่ในการฟื้นฟูลำไส้และภูมิคุ้มกัน โดย สถาบันการแพทย์ทางเลือก

สำหรับ ช่วงบ่าย เวลา 15.00–17.00 น. ห้อง PHOENIX 2: “ฝึกบริหารยืดเหยียดด้วยยางยืด” โดย สถาบันการแพทย์แผนไทย ห้อง PHOENIX 3: “ยาพอกสมุนไพรกับการดูแลสุขภาพเบื้องต้น” โดย วิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี ห้อง PHOENIX 4: “การทำผลิตภัณฑ์เจลข้าวเหนียวขัดผิว และโลชั่นธรรมชาติ 100%” โดย กองวิชาการและแผนงาน ห้อง PHOENIX 5: “การทำผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพรไทย” โดย มูลนิธิศูนย์สื่อเพื่อการพัฒนา ห้อง PHOENIX 6: “การดูแลตนเองให้ปลอดพิษ...ปลอดโรค” โดย มูลนิธิการแพทย์แผนไทยพัฒนา

นายแพทย์สมฤกษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตลาดความรู้จัดขึ้นเพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ผู้สนใจสามารถเลือกเข้าร่วมกิจกรรมตามหัวข้อที่สนใจได้อย่างอิสระ เชื่อมั่นว่าผู้เข้าร่วมอบรมจะได้รับความรู้ แนวคิด และวิธีการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยฯ เพื่อนำไปดูแลตนเอง ครอบครัว และชุมชน อีกทั้งยังสามารถต่อยอดเป็นอาชีพ เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจได้ในอนาคต"     

 งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 22 “ภูมิปัญญาไทย ซอฟท์เพาเวอร์ไทย สร้างเศรษฐกิจไทย” 2 – 6 กรกฎาคม 2568  ฮอลล์ 11 – 12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี  เข้าร่วมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย หนึ่งปีมีครั้งเดียว มาเรียนรู้ ทดลอง    ใช้ และชิมสมุนไพรไทยไปด้วยกัน  4 กรกฎาคม 2568........................................................


“จตุพร” ควง “สุชาติ” ลุยนครศรี แก้ปัญหาราคามังคุด ปล่อยคาราวานรถมังคุด กว่า 40 ตัน กระจายออกนอกแหล่งผลิต ตามนโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย”.

 “จตุพร” ควง “สุชาติ” ลุยนครศรี แก้ปัญหาราคามังคุด ปล่อยคาราวานรถมังคุด กว่า 40 ตัน กระจายออกนอกแหล่งผลิต ตามนโยบาย  “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” 

วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 8.30 น.นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่ ตำบลสระแก้ว อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดกิจกรรมเชื่อมโยงผลไม้ออกนอกแหล่งผลิต โดยเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า “วันนี้ผมดีใจที่ได้มาเยี่ยมพื้นที่พี่น้องชาวสวนในจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งได้มีโอกาสพบปะ พี่น้องเกษตรกรชาวสวนมังคุด เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และร่วมกันเดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการบริหารจัดการผลไม้ภาคใต้ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมไปด้วยกัน




นายจตุพร กล่าวต่อว่า ”การลงพื้นที่ในวันนี้ เพื่อแก้ปัญหาความเดือนร้อนให้กับเกษตกร ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยเป็นภารกิจแรกหลังการเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งวันนี้เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าระยะสั้น กรมการค้าภายใน ได้นำผู้ประกอบการทั้งห้างค้าส่งค้าปลีกขนาดใหญ่ สถานีบริการน้ำมัน รวมทั้งไปรษณีย์ไทย เข้ามาช่วยรับซื้อผลผลิตมังคุดในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวนกว่า 2,200 ตัน เพื่อนำไปจำหน่ายยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว จะมีการหารือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อแก้ปัญหาทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ พร้อมยืนยันสถานการณ์มังคุดจะคลี่คลายลงใน 2 สัปดาห์ ผ่านกลไกความร่วมมือของทุกภาคส่วน ด้วยนโยบาย ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย"


สำหรับคาดการณ์ผลผลิตมังคุดในภาคใต้ มีปริมาณ 109,697 ตัน โดยเป็นผลผลิตของจังหวัดนครศรีธรรมราช ปริมาณ 40,063 ตัน โดยขณะนี้ของจ.นครศรีธรรมราช ได้เริ่มออกสู่ตลาดแล้วกว่า 40% เพื่อเป็นการรองรับผลผลิตดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้มีแผนและมาตรการรองรับผลผลิตในส่วนของภาคใต้รวมกว่า 64,000 ตัน ผ่านมาตรการสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยงเข้าสู่ตลาดของผู้บริโภคโดยการรับซื้อจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ที่ตั้งเป้าการรับซื้อกว่า 6,000 ตัน กิจกรรมรณรงค์บริโภคผลไม้  Thai fruit festival 2025 และห้างซุปเปอร์ชีปทั่วภาคใต้ กว่า 2,000 ตัน เชื่อมโยงมังคุดภาคใต้ผ่านห้างค้าปลีก-ส่ง ปริมาณ 6,000 ตัน ประสานผู้ส่งออกเร่งเข้ารับซื้อผลไม้ภาคใต้ในพื้นที่ ตั้งเป้ามังคุดนครศรีธรรมราช วันละ 300 ตัน  รวมกว่า 15,000 ตัน เพิ่มศักยภาพและส่งเสริมสภาพคล่องให้ผู้รวบรวมรับซื้อผลไม้เพื่อส่งออก ทั้งทุเรียนและมังคุดปริมาณรวม 35,000 ตัน





ด้านนายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน  ได้กล่าวถึงการเชื่อมโยง ว่า “ในวันนี้กรมการค้าภายใน ได้ดำเนินตามข้อสั่งการของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยได้นำผู้แทนของภาคเอกชนมาลงพื้นที่เพิ่อพบกับพี่น้องเกษตรกรด้วย ประกอบด้วยห้างค้าปลีก-ค้าส่ง มารับซื้อผลผลิตมังคุดในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยแบ่งเป็น แม็คโครโลตัสในเครือซีพีเอ็กซ์ตร้า จำนวน 1,300 ตัน บิ๊กซี จำนวน 650 ตัน ท็อปซุปเปอร์มาร์เก็ต จำนวน 130 ตัน โกโฮเซลล์ จำนวน 40 ตัน และห้างเดอะมอลล์ จำนวน 80 ตัน รวมปริมาณผลผลิตมังคุดนครศรีธรรมราช ที่เข้าสู่กลไกของห้างค้าปลีกค้าส่ง จำนวน 2,200 ตัน


นายจตุพร กล่าวว่า “กิจกรรมในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ที่จะช่วยพี่น้องเกษตรกรนครศรีธรรมราช ในการกระจายผลผลิตมังคุดนครศรีธรรมราชไปสู่ผู้บริโภค โดยจะปล่อยคาราวานมังคุด ของพี่น้องเกษตรกรจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนของพี่น้องเกษตรกรในจังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้งหมด 4 กลุ่ม ใน 3 อำเภอ ได้แก่ พรหมคีรี ฉวาง และท่าศาลา จำนวนรถ 13 คัน มังคุดรวมกว่า 40 ตัน มูลค่ากว่า 1,050,000 บาท กระจายไปยังแหล่งจำหน่ายทั่วประเทศ"


สิ่งสำคัญที่สุดขณะนี้ คือความร่วมมือในการช่วยเหลือกัน ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะขับเคลื่อนนโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” อย่างจริงจัง และขอให้พี่น้องชาวไทยสนับสนุนช่วยเหลือกัน เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคง และสร้างรอยยิ้มให้พี่น้องทุกครอบครัว ผมเชื่อมั่นว่า หากเราร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และพี่น้องเกษตรกร จะก้าวข้ามทุกอุปสรรคไปด้วยกันได้” นายจตุพร กล่าวทิ้งท้าย


12 ปี Amwish สุดอลังการฉลองยิ่งใหญ่จัดงานเชิดชูเกียรตินักธุรกิจดาวเด่น!!

  12 ปี Amwish สุดอลังการฉลองยิ่งใหญ่จัดงานเชิดชูเกียรตินักธุรกิจดาวเด่น!! เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา  บริษัท แอมวิช ยูนิเทค จำก...