วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

Kumwell เดินหน้าสู่อนาคต เปิดตัวบริษัทในเครือใหม่ "CTA Engineering and Solutions Co., Ltd. หรือ CTA ES"

 Kumwell เดินหน้าสู่อนาคต เปิดตัวบริษัทในเครือใหม่ "CTA Engineering and Solutions Co., Ltd. หรือ CTA ES" 

บริษัท คัมเวล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)โดย นายบุญศักดิ์ เกียรติจรูญเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้เปิดตัว บริษัท ซีทีเอ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด โดย นาย กรกช พจนสุนทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 

เพื่อขยายขีดความสามารถด้าน Total Engineering Solutiosและ เทคโนโลยีบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอัจฉริยะ อย่างครบวงจร รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยุคใหม่ทั้งในประเทศและระดับภูมิภาค

พร้อมงานเสวนาพิเศษ "Beyond Engineering and Solutions" เปิดมุมมองใหม่สู่การพัฒนาโซลูชันที่ตอบโจทย์ Smart City และความยั่งยืน​ ณ ศูนย์การเรียนรู้ Kumwell Academy ชั้น 6

ไฮไลต์สำคัญในงาน

พิธีลงนามความร่วมมือ (MOU) กับพันธมิตรระดับโลก เปิดตัวพันธมิตรธุรกิจจาก Higen RNM โดย Mr.Jae Hak Kim (CEO) Motortronics Korea โดย Mr.Brian Hong (CEO)  และ MKS (Germany)โดย  Mr.Alexander Krekker (CEO) 

พร้อมทั้งเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัยระดับโลก  เปิดวิสัยทัศน์ Kumwell กับโอกาสการเติบโตในระดับนานาชาติ CTA ES คือบริษัทในเครือของ Kumwell ที่มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีด้านการจัดการทรัพยากรน้ำอัจฉริยะอย่างครบวงจร 

โดยครอบคลุมทั้ง Smart Water Telemetry System

Smart Urban Water Management System​ Smart Operating Water Pump Station รองรับแนวคิดเมืองอัจฉริยะ (Smart City)

การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ Kumwell ในการยกระดับนวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยของชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

#Kumwell #CSV #SafetyToSociety #CTA

#CTAES #SmartWater #SmartLightningWarningSystem

#SmartRainForecast #UrbanWaterManagement #BeyondEngineering

สพพ. เข้าเยี่ยมคารวะท่านเจ้าแขวงท่าแขก

 สพพ. เข้าเยี่ยมคารวะท่านเจ้าแขวงท่าแขก


เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 นายพีรเมศร์ วุฒิธรเนติรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) พร้อมด้วยคณะ ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายวันไซ พองสะหวัน เจ้าแขวงท่าแขก ณ ห้องรับรองสำนักงานแขวง แขวงท่าแขก สปป.ลาว ในโอกาสลงพื้นที่โครงการปรับปรุงเส้นทางหมายเลข 12 (R12) ช่วงท่าแขก-จุดผ่านแดนนาเพ้า สปป.ลาว เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการในช่วงระยะแรกของการเริ่มงานก่อสร้าง พร้อมรับทราบนโยบายและแนวทางการพัฒนาแขวงท่าแขก ทั้งนี้ ท่านเจ้าแขวงรับทราบแนวทางแก้ไขปัญหาอุปสรรคระหว่างการก่อสร้างโครงการ R12 ในเบื้องต้น โดยพร้อมให้การสนับสนุนและประสานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้แล้วเสร็จและสามารถใช้ประโยชน์เส้นทาง R12 ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมเปิดให้บริการได้ภายในปลายปี 2571

“ปฏิรูปห้องเรียนอีสาน!ครู 10 จังหวัดรวมพลังพลิกวิธีสอน สู่ยุค Active Learning ด้วย GPAS 5 Steps”

 “ปฏิรูปห้องเรียนอีสาน!ครู 10 จังหวัดรวมพลังพลิกวิธีสอน สู่ยุค Active Learning ด้วย GPAS 5 Steps” 


       ในโลกที่เปลี่ยนเร็วกว่าแผนการสอน... ครูไทยต้องลุกขึ้นมาเป็น "ผู้นำการเรียนรู้" ไม่ใช่แค่ "ผู้ถ่ายทอดความรู้" และครั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จุดประกายการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เพื่อขับเคลื่อนห้องเรียนไทยให้เข้าสู่การเรียนรู้เชิงรุกอย่างแท้จริง 

  เมื่อวันที่ 26–27 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาในระดับประถมศึกษา ภายใต้โครงการ “พัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ด้วยรูปแบบ Active Learning” 


  กิจกรรมจัดขึ้นพร้อมกัน 2 แห่ง ได้แก่ อาคารคณะการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ และ ห้องประชุมโรงเรียนอนุบาลบุรีรัมย์  โดยมีครูจากโรงเรียนในโครงการ “1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ” ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง รวมกว่า 260 คน จาก 10 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี, อำนาจเจริญ, ร้อยเอ็ด, ศรีสะเกษ, ยโสธร, มหาสารคาม, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์, สุรินทร์ และนครราชสีมา เข้าร่วมอย่างคึกคัก


การอบรมที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีครูจาก 9 จังหวัดร่วมเวทีรวมกว่า 120 คน โดยได้รับเกียรติจาก ดร.กัญจนา สัตตรัตนำพร ผอ.สพป.บุรีรัมย์ เขต 1 เป็นผู้กล่าวเปิดงานและผลักดันวิสัยทัศน์

 “เราไม่ได้แค่มาอบรมให้ผ่าน ๆ แต่เราต้องการให้ครูกลับไปเปลี่ยนห้องเรียนจริง ครูต้องกล้าคิดใหม่ ทำใหม่ ให้เด็กได้เรียนรู้จากการปฏิบัติ ไม่ใช่เพียงนั่งฟัง ครูต้องกลายเป็นผู้นำทางการศึกษาในยุคที่โลกหมุนเร็วเกินคาด” 

            ที่จังหวัดสุรินทร์ มีการจัดอบรมระหว่างวันที่ 26–27 กรกฎาคม 2568 ณ อาคารคณะการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ โดยมีครูเข้าร่วมจำนวน 140 คน ซึ่งถือเป็นเวทีสำคัญในการเติมพลังความรู้ พร้อมยกระดับทักษะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก

                     ดร.จุฬาวดี มีวันคำ  รองผู้อำนวยการสำนักวิชาศึกษาทั่วไป มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีกล่าวว่า “เรากำลังพัฒนาครูให้เป็นผู้ออกแบบการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับบริบทของห้องเรียนจริง ไม่ใช่แค่ฟังบรรยายหรือทำแผนการสอน แต่ครูจะต้องรู้วิธีคิด วิเคราะห์ สร้างนวัตกรรม และจุดไฟให้เด็ก ๆ ได้ใช้ศักยภาพเต็มที่ ผ่าน GPAS 5 Steps

              นางณัฐฐ์ธมล สอโส ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ สพป.สุรินทร์ เขต 1 ย้ำถึงความสำคัญของเวทีนี้ว่า  “การอบรมที่สุรินทร์ครั้งนี้คือหมุดหมายสำคัญที่จะพาครูพัฒนาตัวเอง เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้แบบลงมือจริง ฝึกคิด ฝึกทำ และได้ทักษะชีวิตที่จำเป็นในอนาคต เด็กจะไม่ได้แค่ท่องจำ แต่จะได้ทดลอง ทำงานกลุ่ม คิดแก้ปัญหา และก้าวทันเทคโนโลยีได้ด้วยตนเอง

                นอกจากนี้ การอบรมยังได้เน้นการออกแบบกิจกรรมในห้องเรียนที่สอดรับกับโลกยุค Soft Power โดยมุ่งหวังให้นวัตกรรมการสอนของครูสามารถแปรเปลี่ยนเป็นนวัตกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน และต่อยอดไปสู่คุณค่าทางเศรษฐกิจในชีวิตจริง การยกระดับคุณภาพการศึกษาจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีการพัฒนาครูอย่างจริงจัง โครงการนี้จึงถือเป็นต้นแบบสำคัญ ที่ช่วยเปิดพื้นที่ให้ครูได้ “ลองคิด ลองเปลี่ยน ลองสร้าง” และส่งต่อแรงบันดาลใจนั้นไปยังนักเรียนในห้องเรียน

  ในช่วงท้ายของการอบรม ครูหลายคนสะท้อนว่า การเรียนรู้ครั้งนี้ทำให้เข้าใจว่า การพัฒนาไม่ใช่แค่ "การตามนโยบาย" แต่คือ "การเลือกเปลี่ยน" ด้วยใจที่อยากให้เด็กไทยก้าวทันโลก

“รองนายกฯ ประเสริฐ” ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม และพบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จ.สุโขทัย พร้อมทั้งสั่งการทุกหน่วยเร่งวางแผนบริหารจัดการน้ำรองรับฝนระลอกใหม่ปลาย ส.ค. ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 “รองนายกฯ ประเสริฐ” ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม และพบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จ.สุโขทัย พร้อมทั้งสั่งการทุกหน่วยเร่งวางแผนบริหารจัดการน้ำรองรับฝนระลอกใหม่ปลาย ส.ค. ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น











รองนายกฯ ประเสริฐ” ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม จ.สุโขทัย ย้ำทุกหน่วยต้องบริหารจัดการน้ำเชิงรุก เตรียมพร้อมรับฝนระลอกใหม่ช่วงปลาย ส.ค. – ต.ค. ควบคู่การเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย และยกระดับระบบการแจ้งเตือนภัยและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้อย่างทั่วถึงและทันต่อสถานการณ์





วันนี้ (31 กรกฎาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่อุทกภัย จังหวัดสุโขทัย พร้อมด้วย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สทนช. โดยมี นางสาวสรินรัตน์ เกิดสกุลรุ่งโรจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย กล่าวต้อนรับ และนายสมรักษ์ ยกน้อยวงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย กล่าวรายงาน พร้อมด้วย ผู้แทนจังหวัดนครสวรรค์ น่าน พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ ลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดยที่ประชุมได้ร่วมรับฟังสรุปสถานการณ์และการแก้ไขปัญหา พร้อมเตรียมการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน แต่ละจังหวัด ณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย ตำบลบ้านกล้วย อำเภอเมืองสุโขทัย ภายหลังการประชุม รองนายกรัฐมนตรีและคณะได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และพบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ณ ศาลเจ้าปุงเถ่ากุง-ม่า ตำบลปากแคว อำเภอเมืองสุโขทัย และบริเวณคลองตาเป้า หมู่ 3 ตำบลบ้านนา อำเภอศรีสำโรง โดยได้ให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จากนั้น คณะรองนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปติดตามการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำยม-น่าน  ณ ประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ และประตูระบายน้ำคลองหกบาท อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย เพื่อรับฟังแผนการระบายน้ำและการผันน้ำระหว่างลุ่มน้ำ พร้อมเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการน้ำตาม 9 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2568 อย่างมีประสิทธิภาพ และสื่อสารแจ้งเตือนประชาชนให้ได้รับทราบข้อมูลอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา




รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับผลกระทบจากพายุ“วิภา” ที่แม้จะอ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศต่ำ ประกอบกับร่องมรสุมที่พัดผ่านบริเวณตอนบนของประเทศ ส่งผลให้หลายพื้นที่ในจังหวัดภาคเหนือตอนบนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ ทั้งนี้ พื้นที่ลุ่มน้ำยม-ลุ่มน้ำน่าน ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ประกอบกับปัจจุบันไม่มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่รองรับ ทำให้พื้นที่เปราะบางของลุ่มน้ำยมเกิดความเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัย นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรียังได้เน้นย้ำว่า ฤดูฝนยังอยู่ในช่วงกลางฤดู ซึ่งยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดฝนตกหนักและอุทกภัยเพิ่มขึ้นอีก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกหน่วยงานต้องเตรียมการรองรับสถานการณ์ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันและลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่





การลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ในวันนี้ เพื่อต้องการรับฟังข้อมูลจากหน่วยงานและพี่น้องประชาชน รวมทั้งมีการหารือเพื่อร่วมวางแผนเชิงรุกสำหรับการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่านให้มีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้ได้กล่าวชื่นชมว่าทุกจังหวัดและหน่วยงานได้มีการเตรียมการรับมือไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดี เช่น การดำเนินการตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2568 การตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน การดำเนินการซักซ้อมและการเผชิญเหตุในระดับต่าง ๆ รวมถึงการแจ้งเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนสิงหาคม – ตุลาคมนี้ มีการคาดการณ์ว่าปริมาณฝนในหลายพื้นที่อาจสูงกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งมีโอกาสที่พื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางตอนล่างจะเกิดอุทกภัย น้ำหลาก และดินถล่มได้ จึงขอให้ทุกหน่วยบูรณาการทำงานร่วมกัน และเร่งดำเนินการมาตรการเชิงรุก เพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยได้มอบหมายหน่วยงาน ดังนี้  ให้ 1) สทนช. ร่วมกับ กรมชลประทาน (ชป.) และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บูรณาการการระบายน้ำจาก เขื่อนสิริกิติ์ และ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนผ่านกลไกศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำน้อยที่สุด และมีน้ำสำรองให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคและภาคการเกษตรในฤดูแล้งที่จะมาถึงด้วย 2) ให้ ชป. เร่งระบายน้ำเพื่อลดระดับน้ำ จากแม่น้ำยมไปสู่แม่น้ำน่าน พร้อมทั้งเสริมคันป้องกันน้ำชั่วคราวในจุดที่มีความเปราะบาง และติดตั้งเครื่องสูบน้ำในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่ง และให้บูรณาการกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และกรมทรัพยากรน้ำ ในการจัดสรรเครื่องสูบน้ำให้เพียงพอต่อความจำเป็น 3) ให้ ชป. ร่วมกับ จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดสุโขทัย เตรียมความพร้อมการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่บางระกำโมเดล สำหรับใช้รับน้ำหลากในช่วงกลางเดือนสิงหาคมถึงปลายเดือนตุลาคม 2568 4) ให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลประชาชนในพื้นที่รับทราบอย่างต่อเนื่อง 5) ให้ ปภ. ร่วมกับ จังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน จัดทำแผนเผชิญเหตุ เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องมือ และระบบการช่วยเหลือฉุกเฉิน ให้สามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที 6) ในกรณีที่ต้องมีการอพยพ ให้มีการจัดเตรียม ศูนย์พักพิงชั่วคราว พร้อมทั้งจัดเตรียมสาธารณูปโภค อาหารและหน่วยแพทย์ ให้พร้อมในการดูแลผู้ประสบภัย 

7) การแจ้งเตือนภัย ขอให้ จังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน ร่วมกับ กรมประชาสัมพันธ์ และ ปภ. ใช้ระบบการ

แจ้งเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast (CB) ควบคู่กับช่องทางอื่น ๆ ทุกช่องทางที่มีของภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และทันต่อสถานการณ์ จึงขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในความตั้งใจของรัฐบาล ที่มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างยิ่ง และมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการป้องกันและลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด

ด้าน เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำยม มีจำนวนแหล่งน้ำทั้งหมด 3,859 แห่ง ความจุรวม 533.03 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีปริมาตรน้ำรวม 317.65 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 60% ของความจุเก็บกัก 





ขณะที่ลุ่มน้ำน่าน มีจำนวนแหล่งน้ำทั้งหมด 4,337 แห่ง ความจุรวม 10,809.33 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีปริมาตรน้ำรวม 7,814.26 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น72% ของความจุเก็บกัก ในภาพรวมยังคงมีพื้นที่รองรับปริมาณฝนที่จะตกมาได้อีก สำหรับสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำยม-น่าน พบว่า จังหวัดน่านได้รับผลกระทบจากฝนตกสะสมสูงสุด มวลน้ำจากพื้นที่ตอนบนของจังหวัดน่านมีแนวโน้มจะไหลลงสู่เขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งเป็นเขื่อนหลักในการรองรับน้ำของลุ่มน้ำน่าน และมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการระบายลงสู่แม่น้ำน่านตอนล่างและลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยคาดว่าหากไม่มีฝนตกซ้ำในปริมาณมาก พื้นที่ประสบภัยในจังหวัดน่านจะสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายในสัปดาห์หน้า ในขณะที่ ลุ่มน้ำยม จังหวัดแพร่ และสุโขทัยเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากมวลน้ำตอนบน ขณะนี้สถานการณ์โดยรวมเริ่มคลี่คลาย โดยระดับน้ำในแม่น้ำยมลดลงต่อเนื่อง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในบางพื้นที่ลุ่มต่ำและพื้นที่เกษตร อย่างไรก็ตาม จังหวัดสุโขทัยยังมีแนวโน้มระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นในบางจุด ซึ่งได้มีการควบคุมมวลน้ำจากภาคเหนือลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยขณะนี้อยู่ในช่วงปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ และควบคุมระดับน้ำเหนือเขื่อนนเรศวร เพื่อเร่งระบายน้ำจากแม่น้ำยมเข้าสู่แม่น้ำน่าน และควบคุมระดับน้ำไม่ให้ล้นตลิ่งในตัวเมืองสุโขทัย รวมทั้งเสริมแนวป้องกันน้ำในเขตเศรษฐกิจและพื้นที่เสี่ยงซ้ำซาก และเปิดบานประตูระบายน้ำทุกจุดเต็มศักยภาพ รวมถึงการเตรียมพื้นที่รองรับน้ำใน พื้นที่ลุ่มต่ำ บางระกำโมเดล ที่สามารถหน่วงน้ำได้ถึง 400 ล้าน ลบ.ม. หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวแล้วเสร็จภายในกลางเดือนสิงหาคม เพื่อเตรียมรองรับปริมาณฝนหรือพายุที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอีกในช่วงปลายฤดูฝน


สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ 

31 กรกฎาคม 2568


สพพ. ร่วมบันทึกเทปถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

 สพพ. ร่วมบันทึกเทปถวายพระพรสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

พันเอกศรัณยู วิริยเวชกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ร่วมบันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568

“พงศ์กวิน” ส่งแรงใจให้เยาวชนไทย 34 คน 17 สาขา ก่อนเดินทางประชันฝีมือในการแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียนที่ฟิลิปปินส์

  “พงศ์กวิน”  ส่งแรงใจให้เยาวชนไทย 34 คน 17 สาขา ก่อนเดินทางประชันฝีมือในการแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียนที่ฟิลิปปินส์ วันที่ 22 สิงหาคม 2568  น...