วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2568

“พาณิชย์” เร่งเดินหน้าผลักดันส่งออกน้ำมันปาล์ม ช่วยลดสต๊อกในประเทศ หนุนราคาผลผลิตปาล์มขยับสูงขึ้น เกษตรกรได้รับประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม

 “พาณิชย์” เร่งเดินหน้าผลักดันส่งออกน้ำมันปาล์ม ช่วยลดสต๊อกในประเทศ หนุนราคาผลผลิตปาล์มขยับสูงขึ้น เกษตรกรได้รับประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม

กระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าภายใน เดินหน้าผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์ม ร่วมกับผู้ส่งออกจำนวนรวมกว่า 59,000 ตัน ไปยังตลาดอินเดีย จีน และญี่ปุ่น เพื่อช่วยลดสต๊อกน้ำมันปาล์มในประเทศและสร้างเสถียรภาพราคาผลผลิต ทำให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมย้ำการตรวจสอบการรับซื้ออย่างเหมาะสมเป็นธรรม ที่ CPO 18 % ราคา 5.20 บาท/กก. และบังคับใช้กฎหมายกับผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามอย่างเข้มงวด


วานนี้ (วันที่ 2 มิถุนายน 2568) นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ท่าเทียบเรือของบริษัท พี.เค.มารีน เทรดดิ้ง จำกัด ตำบลบางกุ้ง อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเป็นประธานในพิธีปล่อยเรือบรรทุกน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ ส่งออกไปยังประเทศอินเดียและประเทศจีน โดยมีคุณประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และนางสาวกัญกร ประสิทธิศุภผล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) ภาครัฐ ศุลกากร และตัวแทนองค์กรเกษตรกร เข้าร่วมกิจกรรมใหญ่ครั้งนี้ด้วย


นายวิทยากร เปิดเผยว่า “สำหรับการส่งออกในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการเกษตรของประเทศ โดยมีการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ Lot ใหญ่ จำนวน 32,000 ตัน ไปยังประเทศอินเดีย น้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์จำนวน 7,000 ตัน ไปยังประเทศจีน และกะลาปาล์มอีกจำนวน 20,000 ตัน ส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น รวมปริมาณกว่า 59,000 ตัน โดยกระบวนการส่งออกดำเนินผ่านท่าเทียบเรือของบริษัท พี.เค.มารีน เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นท่าเรือที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลและมีศักยภาพในการรองรับเรือขนส่งน้ำมันในระดับสูง  โดยใช้เส้นทางลำเลียงสินค้าผ่านท่อไปยังเรือใหญ่บริเวณเกาะพะลวย  โดยสามารถสูบส่งสินค้าได้ที่อัตราเฉลี่ย 170 ตันต่อชั่วโมง ถือเป็นกระบวนการที่มีประสิทธิภาพและทันสมัยอย่างยิ่ง 

การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ในการเร่งระบายสต๊อกน้ำมันปาล์มส่วนเกินในประเทศ เพื่อให้ปริมาณมีความสมดุลสอดคล้องกับความต้องการใช้ภายในประเทศ และสามารถผลักดันให้ราคาผลผลิตปาล์มปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลดีโดยตรงต่อเกษตรกรชาวสวนปาล์มทั่วประเทศ ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นความร่วมมือที่สำคัญระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดต่างประเทศ และขยายโอกาสทางการค้าให้กับประเทศไทยในเวทีโลก”

นอกจากนี้ อธิบดีกรมการค้าภายใน ยังได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์การรับซื้อผลปาล์มน้ำมันร่วมกับเจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจของกรมการค้าภายใน เจ้าหน้าที่ชั่งตวงวัด และเจ้าหน้าที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและพังงา ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มในพื้นที่มีการรับซื้อผลปาล์มน้ำมันที่อัตราการสกัดน้ำมัน (CPO) 18% ในราคาที่ 5.20 บาทต่อกิโลกรัม ถือเป็นระดับราคาที่มีแนวโน้มขยับสูงขึ้นจากช่วงก่อนหน้านี้ อันเป็นผลจากการเร่งผลักดันการส่งออกและบริหารจัดการสต๊อกอย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ดี จากการลงพื้นที่ตรวจสอบยังพบผู้ประกอบการรับซื้อผลปาล์มจำนวน 4 รายที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งกรมการค้าภายในได้ดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 โดยมีโทษสูงสุดจำคุก 7 ปี หรือปรับสูงสุด 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอแจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และหากเกษตรกรท่านใดไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถแจ้งมายังสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัด

 “กระทรวงพาณิชย์ยังคงเดินหน้าเร่งรัดทุกมาตรการที่เป็นไปได้ในการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ผลผลิตปาล์มทะลักเข้าสู่ตลาด หากสามารถส่งออกในปริมาณที่เพียงพอ จะช่วยให้เกิดการระบายสต๊อก ลดความตึงเครียดในระบบอุปทานภายในประเทศ และทำให้ราคาผลผลิตสามารถปรับตัวสูงขึ้นในระดับที่เกษตรกรสามารถอยู่ได้ มีรายได้เพียงพอและยั่งยืน ซึ่งในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยสามารถส่งออกน้ำมันปาล์มดิบได้แล้วกว่า 253,000 ตัน และในเดือนมิถุนายนนี้คาดว่าจะสามารถรักษาระดับการส่งออกไว้ในปริมาณใกล้เคียงกัน ซึ่งจะช่วยรักษาเสถียรภาพด้านราคาภายในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ” นายวิทยากร กล่าวทิ้งท้าย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

“กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ผนึก ม.กรุงเทพ ปั้นคนรุ่นใหม่ สู่สายอาชีพบนเรือสำราญ”

  “กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ผนึก ม.กรุงเทพ ปั้นคนรุ่นใหม่ สู่สายอาชีพบนเรือสำราญ” วันที่ 5 มิถุนายน 2568  นายเดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝี...