วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2568

“รองนายกฯ ประเสริฐ” เผย รัฐบาลเตรียมรับมือพายุ “คาจิกิ” เต็มกำลัง สั่ง สทนช. เกาะติดสถานการณ์ พร้อมยกระดับบริหารจัดการน้ำตามระดับความรุนแรง

 “รองนายกฯ ประเสริฐ” เผย รัฐบาลเตรียมรับมือพายุ “คาจิกิ” เต็มกำลัง สั่ง สทนช. เกาะติดสถานการณ์ พร้อมยกระดับบริหารจัดการน้ำตามระดับความรุนแรง

วันนี้ (23 สิงหาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้พายุดีเปรสชั่นในทะเลจีนใต้ตอนบน

ได้พัฒนาตัวเป็นพายุโซนร้อน “คาจิกิ” แล้ว และมีทิศทางการเคลื่อนตัวไปทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่าจะขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบนในช่วง วันที่ 25 - 26 สิงหาคมนี้ ประกอบกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ระยะนี้หลายพื้นที่ของไทยมีแนวโน้มเกิดฝนตกหนักถึงหนักมาก คาดว่าจะส่งผลให้มี

น้ำไหลเข้าแหล่งกักเก็บน้ำต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น รวมกับปริมาณน้ำเดิมจากอิทธิพลของพายุ “วิภา” ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในช่วงฤดูฝนนี้ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงเกิดฝนตกสะสมในหลายพื้นที่ จึงได้สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) บูรณาการหน่วยงานติดตามสถานการณ์ของเขื่อนทุกแห่งอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา โดยเฉพาะเขื่อนขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำมาก ให้เตรียมพร้อมปรับการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยคำนึงถึงผลกระทบในภาพรวมและความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนเป็นสำคัญ เช่น เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งได้

สั่งการล่วงหน้าให้ปรับแผนการระบายน้ำเพื่อรองรับมวลน้ำที่จะไหลเข้ามาเพิ่มเติมจากฝนในระลอกนี้ พร้อมเน้นย้ำให้พิจารณาผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำร่วมด้วย เพื่อลดความเสี่ยงเกิดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด

 

นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ สทนช. ประเมินระดับความรุนแรงของสถานการณ์อุทกภัย เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการยกระดับการบริหารจัดการน้ำตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ซึ่งแบ่งกรอบโครงสร้างการปฏิบัติงานเป็น 3 ระดับ ดังนี้ ระดับ 1 หน่วยบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อบริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ที่มีพื้นที่น้ำท่วมขังไม่เกิน 2 จังหวัด 

ความลึกระดับน้ำน้อยกว่า 0.5 เมตร ระยะเวลาท่วมขังไม่เกิน 15 วัน และไม่มีแนวโน้มแผ่ขยาย โดยมีเลขาธิการ สทนช. เป็นประธาน ระดับ 2 กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ทำหน้าที่ควบคุมวิกฤติน้ำในภาวะรุนแรงหรือคาดว่าจะรุนแรง โดยมีสถานการณ์น้ำท่วมขังเกิน 

2 จังหวัดในพื้นที่เปราะบางหรือพื้นที่เศรษฐกิจ ความลึกระดับน้ำมากกว่า 0.5 เมตร ระยะเวลาท่วมขังมากกว่า 15 วัน และมีแนวโน้มแผ่ขยาย เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตตามปกติ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้อำนวยการ และ ระดับ 3 

ศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจ เป็นการยกระดับจากกองอำนวยการน้ำแห่งชาติเพื่อจัดการสถานการณ์น้ำในภาวะวิกฤติหรือคาดว่าจะวิกฤต ในสถานการณ์ที่มีน้ำท่วมขังเกิน 2 จังหวัดในพื้นที่เปราะบางหรือพื้นที่เศรษฐกิจ ความลึกระดับน้ำมากกว่า 1 เมตร ระยะเวลาท่วมขังมากกว่า 30 วัน และมีแนวโน้มแผ่ขยาย ต้องอาศัยการปฏิบัติงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้กระทรวงต่าง ๆ เนื่องจากกระทบต่อการดำรงชีวิตของคน สัตว์ หรือพืช สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน ส่งผลให้การดำรงชีวิตตามปกติต้องหยุดชะงัก 

โดยนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บัญชาการ จนกว่าปัญหาวิกฤติน้ำจะผ่านพ้นไป ทั้งนี้ ขอยืนยันว่ารัฐบาลจะบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมเตรียมแผนรองรับในทุกระดับ ตามนโยบายที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน


สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ

23 สิงหาคม 2568


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ดร.แก้ว แถลงข่าว “จัดคอนเสิร์ตการกุศล เพื่อกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ของ กต.ตร.สภ.รัตนาธิเบศร์ “

  ดร.แก้ว แถลงข่าว “จัดคอนเสิร์ตการกุศล เพื่อกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ของ กต.ตร.สภ.รัตนาธิเบศร์ “   วันที่ 27 สิงหาคม 2568 เวลา 13.30 น. :  ดร....