สกศ. ผนึกกำลัง UNICEF - Save the Children – Plan International ระดมไอเดียสร้าง “แผนการจัดการศึกษาในภาวะวิกฤติ (EiE)”สู่โรงเรียนปลอดภัยต่อทุกวิกฤต
วันที่ 16 ธันวาคม 2568 รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อการจัดทำแผนการจัดการศึกษาในภาวะวิกฤติ (Education in Emergency: EiE) โดยมี ดร.ชลิตา ธัญญะคุปต์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายการศึกษา UNICEF Thailand นางสาวมธุมนต์ แคเทอร์เรนชัค Education Technical Advisor, Save the Children Thailand นางสาวเบญจพร อินทร์งาม ผู้จัดการบริหารความเสี่ยงจากภัยพิบัติ องค์การ Plan International พร้อมด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนจากหน่วยงานการศึกษาที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องปรินซ์บอลรูม โรงแรมปรินซ์พาเลซ มหานาค กรุงเทพมหานคร
รศ.ดร.ประวิต กล่าวว่า ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤตหลายรูปแบบทั้ง COVID-19, อุทกภัย และความขัดแย้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ วิถีชีวิต และความเป็นอยู่ของเด็กและเยาวชน สกศ. จึงได้มีการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นและเก็บข้อมูลเชิงลึกในหลายจังหวัดชายแดนที่ได้รับผลกระทบต่อภาคการศึกษา พื้นที่ความไม่สงบในชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงภัยพิบัติน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายต่อการจัดการศึกษาในภาวะวิกฤติ (Education in Emergency: EiE) ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการต้องให้ทุกภาคส่วนได้รับความช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูจากภาวะที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน การประชุมครั้งนี้จึงเป็นการร่วมให้ข้อมูล รวมถึงกลั่นกรองการจัดทำแผนฯ และสร้างความเป็นไปได้ในการปฏิบัติ (Practicality) ที่ครอบคลุมมิติวิกฤติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ตลอดจนร่วมกันเปลี่ยน “ร่างนโยบาย” ให้เป็น “เครื่องมือปฏิบัติ” สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของพื้นที่ ทั้งนี้ ข้อมูลลที่ได้รับจะจัดทำเป็นข้อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
ที่ประชุมรับฟังการนำเสนอ การจัดการศึกษาในภาวะวิกฤติจากหน่วยงานในระดับนานาชาติ โดย ดร.ชลิตา ได้นำเสนอภาพรวมเกี่ยวกับการจัดการศึกษาในภาวะฉุกเฉิน (EiE) เน้นถึงความสำคัญของการเรียนรู้ที่ปลอดภัยและต่อเนื่องแม้ในสถานการณ์วิกฤต รวมถึงภัยพิบัติ ความขัดแย้ง และภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข ด้านความหมายและมิติสำคัญของ EiE มาตรฐานขั้นต่ำที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ (INEE Minimum Standards) รวมถึงการบริหารจัดการฉุกเฉินที่ครอบคลุมการป้องกัน เตรียมพร้อม ตอบสนอง และฟื้นฟู พร้อมทั้งยกตัวอย่างการดำเนินงานจากต่างประเทศ เช่น เนปาลและฟิลิปปินส์ และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อระบบการศึกษาในประเทศไทย รวมทั้งเสนอว่าโรงเรียนยังขาดแคลนและจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความเสมอภาคทางการศึกษาในระยะยาว
นางสาวมธุมนต์ แบ่งปันประสบการณ์การดำเนินงานด้านการศึกษาขององค์กร Save the Children ในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งและความเหลื่อมล้ำ ประสานงานกับหลากหลายกระทรวง เพื่อจัดทีมสังคมสงเคราะห์ ทีม PSS และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต จัดพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กตามช่วงวัย และพื้นที่เรียนรู้ชั่วคราวที่มีมาตรฐาน รวมทั้งพัฒนาศักยภาพครูให้เข้าใจผลกระทบด้านจิตใจ การสังเกตสัญญาณอันตราย การส่งต่อผู้เชี่ยวชาญ การป้องกันการถูกล่อลวง และจัดหลักสูตรสันติภาพ ส่งเสริมการอยู่ร่วมกัน และได้ยกตัวอย่างโครงการ เช่น Basic Education Support towards Transition (BEST) Phase VI โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ เด็ก (การศึกษาพื้นฐานและการศึกษาพิเศษ) และบุคลากรทางการศึกษาในศูนย์พักพิงชั่วคราว 9 แห่ง ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ในการสนับสนุนของสหภาพยุโรป (EU)
นางสาวเบญจพร กล่าวว่า องค์การ Plan International มีเครือข่ายโรงเรียนปลอดภัยแห่งประเทศไทย (TSSN) และกรอบการดำเนินงานความปลอดภัยรอบด้านในสถานศึกษา (CSSF) ปี 2565-2573 เพื่อสร้างโรงเรียนที่ปลอดภัยและมีความต่อเนื่องทางการศึกษา มีกรอบการดำเนินงานใน 3 เสาหลัก ได้แก่ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น การบริหารจัดการความปลอดภัยของสถานศึกษาและการรักษาความต่อเนื่องทางการศึกษา และการให้การศึกษาเพื่อลดความเสี่ยงและการปรับตัวต่อภัยพิบัติ และหลักการพื้นฐาน เช่น นโยบายที่เอื้ออำนวย การประเมินความเสี่ยง การป้องกัน และการปกป้องคุ้มครองเด็ก รวมถึงการใช้หลักสูตรและโมเดล เพื่อพัฒนาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภัยประเภทต่าง ๆ และมาตรการความปลอดภัย
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นวิกฤตต่าง ๆ ได้แก่ โรคระบาด ภัยธรรมชาติ ความขัดแย้ง เพื่อร่วมกันวิพากษ์ให้ได้มาซึ่งข้อมูลในการจัดทำแผนการจัดการศึกษาและรวบรวมเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายต่อการจัดการศึกษาในภาวะวิกฤติ (EiE) เสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป







ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น