วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2568

เปิดตัว Elephant Forest Phitsanulok “จากปางสู่ป่า”ต้นแบบปางช้างสวัสดิภาพสัตว์ระดับโลก แห่งแรกในภาคเหนือตอนล่าง

 เปิดตัว Elephant Forest Phitsanulok “จากปางสู่ป่า”ต้นแบบปางช้างสวัสดิภาพสัตว์ระดับโลก แห่งแรกในภาคเหนือตอนล่าง

องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (World Animal Protection) ต่อยอดความสำเร็จในโอกาสครบรอบ 75 ปี ร่วมกับ มูลนิธิช้างทรัพย์ไพรวัลย์และพันธมิตรทุกภาคส่วน เปิดตัว “Elephant Forest Phitsanulok” ต้นแบบปางช้างที่เป็นมิตรอย่างสมบูรณ์ แห่งแรกในภาคเหนือตอนล่าง และหมุดหมายใหม่ของการท่องเที่ยวอย่างมีจริยธรรม สร้างมุมมองใหม่เพื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับช้างสำหรับคนไทยและก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานสวัสดิภาพช้างไทยสู่สากล

วันนี้นับเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญของวงการท่องเที่ยวไทย เมื่อ Elephant Forest Phitsanulok จัดพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่องาน “จากปางสู่ป่า: เรียนรู้และเปลี่ยนผ่านสู่ช้างเป็นมิตร” โดยมี นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานเปิดงาน พร้อมแขกผู้มีเกียรติจากภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรระหว่างประเทศ อาทิ กรมปศุสัตว์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อินเทรพิด ทราเวล (Intrepid Travel) บริษัทท่องเที่ยวระดับโลกที่มุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงยั่งยืน และ ผู้อำนวยการองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศสวีเดน ผู้ให้การสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญนี้ ตลอดจน คุณกัญจนา ศิลปอาชา 

ผู้มีบทบาทสำคัญด้านการอนุรักษ์ช้างไทย มาร่วมเป็นสักขีพยานในการยกระดับการท่องเที่ยวที่เคารพสวัสดิภาพช้างและสัตว์อย่างแท้จริง

Elephant Forest Phitsanulok มีจุดเริ่มต้นจากวิสัยทัศน์และความเมตตาของคุณประพันธ์ ศิริวิริยะกุล ที่ได้ซื้อโรงแรมทรัพย์ไพรวัลย์ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางผืนป่ากว่า 900 ไร่ และได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของช้างที่ถูกใช้งานหนัก ครอบครัวจึงตัดสินใจก่อตั้งมูลนิธิเพื่อดูแลช้างที่ต้องการความช่วยเหลือ โดยมอบ “บ้าน” ที่ปลอดภัยและใกล้เคียงธรรมชาติที่สุด เพื่อฟื้นฟูร่างกายและจิตใจของช้าง หลังจากสั่งสมประสบการณ์และเรียนรู้การดูแลช้าง ครอบครัวศิริวิริยะกุลได้ค่อยๆ ปรับกิจกรรมจากการขี่และป้อนอาหารช้าง ให้พวกเขาได้กลับมาใช้ชีวิตในแบบที่ควรจะเป็น พร้อมกันนี้ครอบครัวยังรักษาผืนป่า ดูแลต้นไม้ เพื่อให้ช้างทุกตัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างต่อเนื่อง


จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตโควิด-19 เมื่อมูลนิธิช้างทรัพย์ไพรวัลย์เข้าร่วมโครงการพรุ่งนี้ที่ดีกว่า

ของช้าง (Build Back Better) ภายใต้การสนับสนุนขององค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก โดยได้รับทุนพัฒนาแปลงพืชอาหารยั่งยืน พร้อมระบบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ลดการพึ่งพาอาหารจากภายนอก ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงช่วยแก้วิกฤต แต่ยังกลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่นำไปสู่การพัฒนา “Elephant Forest Phitsanulok” ให้เป็นปางช้างที่สอดคล้องกับวิถีธรรมชาติ และเป็น “ปางช้างที่เป็นมิตรกับช้าง” อย่างแท้จริง

คุณศิรอาภา ศิริวิริยะกุล  ผู้อำนวยการมูลนิธิช้างทรัพย์ไพรวัลย์ ทายาทรุ่นที่ 4 ของครอบครัวศิริวิริยะกุล กล่าวถึงการทำงานร่วมกับองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกว่า “สิ่งหนึ่งที่มูลนิธิฯ เห็นตรงกับองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกคือการทำปางช้างเป็นสถานที่ที่เป็นมิตรกับช้าง (Elephant Friendly) ให้เป็นจริง เราต้องการให้ปางช้างอื่นๆ เห็นว่ามีการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่สามารถส่งเสริมให้สวัสดิภาพช้าง ควาญช้างดีขึ้น และเพิ่มความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันปางก็ยังสามารถมีรายได้อย่างยั่งยืน เราได้รับการสนับสนุนทั้งเงินทุนและองค์ความรู้ เช่น การลดระยะเวลาการใช้โซ่ให้สั้นลง ให้ช้างได้ใช้เวลาเดินอย่างอิสระมากขึ้น และปรับเปลี่ยนกิจกรรมและการดูแลช้างให้สอดคล้องกับพฤติกรรมธรรมชาติของช้างมากขึ้น จากเดิมที่กังวลว่าจะทำได้จริงหรือไม่ เมื่อเห็นตัวอย่างจากปางอื่นๆ และได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการได้พบกับบริษัททัวร์ที่ทำงานร่วมกับองค์กร  ทำให้เรามั่นใจว่าการทำแบบนี้ทำให้สวัสดิภาพของช้างดีขึ้นจริงและเราจะมีรายได้เพียงพอสำหรับบริหารจัดการ ดูแลควาญ และดูแลช้างได้ในระยะยาว”

ปัจจุบัน Elephant Forest Phitsanulok เป็นบ้านของช้างเพศเมีย 5 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เคยผ่านชีวิตที่ยากลำบากจากการลากไม้และอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่นี่ช้างทุกตัวได้รับการฟื้นฟูทั้งกายและใจ ที่สำคัญช้างได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างอิสระ พร้อมทั้งทำหน้าที่เป็น “ศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับช้างสำหรับคนไทย” เพื่อสร้างความเข้าใจใหม่ในการอยู่ร่วมกับสัตว์ด้วยความเคารพ โดยเน้นแนวคิดจาก “พาช้างมาให้คนดู” สู่ “พาคนไปดูช้างในป่า”



การเปลี่ยนผ่านยังครอบคลุมถึง การปรับอุปกรณ์โซ่ที่ใช้ผูกช้างเวลากลางคืน จากโซ่โลหะ เปลี่ยนเป็นโซ่น้ำหนักเบา การสร้างคอกล้อมรั้วที่ปลอดภัยสำหรับใช้เวลาพัก จัดกิจกรรมเสริมอุปกรณ์ Enrichment กระตุ้นพฤติกรรมตามธรรมชาติ การฟื้นฟูสภาพป่า ตลอดจนดูแลช้างสูงอายุให้พักในโรงเรือนและทำอาหารเฉพาะที่ย่อยง่ายและช่วยระบบขับถ่าย ที่สำคัญยังยกระดับคุณภาพชีวิตของควาญช้าง ปรับบทบาทจาก “ผู้ควบคุมบังคับ” เป็น “ผู้ดูแล” ที่ทำงานร่วมกับช้างด้วยความเคารพและเข้าใจ เพื่อลดความเครียดของทั้งสองฝ่าย

คุณทริเซีย โครสดอล (Tricia Croasdell) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ขององค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกกล่าวว่า “ประเทศไทยซึ่งเป็นบ้านของช้างเอเชียมายาวนาน จึงเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกใฝ่ฝันอยากมาเยือน การเปลี่ยนผ่านของ Elephant Forest Phitsanulok ไม่เพียงคืนชีวิตอิสระให้ช้าง แต่ยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสการท่องเที่ยวที่มีจริยธรรมและมีความหมาย พร้อมสร้างความภาคภูมิใจให้กับชุมชนจากการทำงานโดยไม่ต้องบังคับช้าง ในวาระครบรอบ 75 ปีขององค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก เรามองว่านี่คือ ก้าวสำคัญ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และเชื่อว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้การท่องเที่ยวทั่วโลกก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืนและเคารพธรรมชาติ”

คุณโรจนา สังข์ทอง ผู้อำนวยการ องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “เราเชื่อว่าทุกปางต่างรักช้างและอยากให้ช้างมีชีวิตที่ดี สิ่งที่เราทำคือการพิสูจน์ให้เห็นว่า การดูแลที่ดีต่อทั้งช้างและควาญ สามารถเดินคู่ไปกับรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนได้จริง ปัจจุบันองค์กรฯ มีเครือข่ายปางช้างที่เปลี่ยนผ่านสู่การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรแล้วกว่า 13 แห่งทั่วประเทศ และภายในปลายปีนี้จะมีเพิ่มอีก 2 แห่ง ความก้าวหน้านี้ตอกย้ำว่าการยกระดับสวัสดิภาพสัตว์คือเส้นทางสู่อนาคตการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนของประเทศไทย อนาคตที่เคารพต่อสัตว์และธรรมชาติ

คุณไมค์ สจ๊วต ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท อินเทรพิด ทราเวล จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคด้านการท่องเที่ยวเปลี่ยนไปมาก นักท่องเที่ยวจะคำนึงถึงเสมอว่าในการท่องเที่ยวแต่ละครั้งของพวกเขาจะสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อและพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวอย่างไร ในฐานะที่เราเป็นเอเจนซี่ท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่เราจะเลือกมาเป็นพาร์ทเนอร์เพื่อนำเสนอต่อนักท่องเที่ยวนั้น 

จึงเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการควรคำนึงถึงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงสวัสดิภาพสัตว์ด้วย ซึ่งแนวทางขององค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกมุ่งเน้นการยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และศูนย์การเรียนรู้เอเลแฟนท์ ฟอเรสต์ พิษณุโลก ตรงกับแนวทางกับบริษัท อินเทรพิดมีความยินดีที่จะทำงานร่วมกับองค์การพิทักษ์สัตว์แห่งโลก และพร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ในประเทศไทย”

ผู้สนใจเยี่ยมชมปางชางที่เป็นมิตรต่อช้าง สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

https://elephantforestphitsanulok.com/th/ และ Facebook: องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก 

#ElephantForestPhitsanulok #WorldAnimalProtechtion #ElephantFrieldly

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อตัวแทนฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท SASI PR Consultant 

คุณศศิธร กนิษฐ์โรจน์  โทร. 092-784-4565 Email: sasipr9@gmail.com 


เกี่ยวกับองค์กร องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก:

องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (World Animal Protection) เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนระดับโลกมีสำนักงาน 14 แห่งทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยซึ่งได้มีการดำเนินการเพื่อปกป้องสัตว์จากความทุกข์ทรมาน มาเป็นเวลา 75  ปีโดยมุ่งเน้นการยกระดับ สวัสดิภาพสัตว์ และยุติการทุกข์ทรมาน และการทารุณกรรมสัตว์อย่างถาวร โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ ณ ประเทศอังกฤษ ที่ผ่านมาองค์กรฯ ได้ดำเนินกิจกรรมผ่านโครงการต่างๆ ในประเทศไทย อาทิ โครงการส่งเสริมระบบอาหารอย่างยั่งยืน โดยยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ฟาร์ม การยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ที่อยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว  เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต ช้างไทยให้ดีขึ้นและเพื่อให้สัตว์ป่าทุกตัวได้มีโอกาสที่จะมีชีวิตอย่างมีอิสระตามธรรมชาติโดยตระหนักถึงความสำคัญ ของคุณภาพชีวิตสัตว์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพชีวิตมนุษย์ และสิ่งแวดล้อมอย่างเกื้อกูลกัน


เกี่ยวกับมูลนิธิช้างทรัพย์ไพรวัลย์:  

ศูนย์การเรียนรู้ช้างทรัพย์ไพรวัลย์ได้ช่วยเหลือช้างแรงงานและช้างที่สุขภาพร่างกายไม่สมบูรณ์จากการทำงานหนัก ให้กลับคืนสู่วิถีธรรมชาติภายในป่าอุดมสมบูรณ์กว่า 900 ไร่ของทรัพย์ไพรวัลย์รีสอร์ท โดยได้มีการปรับเปลี่ยนกิจกรรมและการดูแลช้างให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตตามธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง  เช่น ยกเลิกการขี่ช้างสำหรับนักท่องเที่ยว และเปลี่ยนแนวคิดจาก “พาช้างมาให้คนดู” เป็น “พาคนไปดูช้างในป่า”    

ปัจจุบันมีช้างเพศเมีย 5 เชือก อายุ 40-60 กว่าปี โดยเป็นช้างรุ่นที่ 2 ที่ได้มาฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ณ ศูนย์ฯ นี้ ซึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและพฤติกรรมที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนเพียงครึ่งปีแรก รวมถึงช้างชราซึ่งสัตว์แพทย์เคยให้ความเห็นว่าไม่น่าอยู่รอดได้เกิน 6 เดือน แต่ก็ได้รับการดูแลจนสุขภาพสมบูรณ์และเปลี่ยนนิสัยเป็นช้างอ่อนโยนได้เกือบ 5 ปีแล้ว  

ทางรีสอร์ทได้มีการจัดตั้งมูลนิธิช้างฯ โดยได้รับเงินสนับสนุนตั้งต้นจากครอบครัวเจ้าของและพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อวัตถุประสงค์ให้มูลนิธิฯ สามารถดูแลช้างได้อย่างยั่งยืน และมีแนวคิดในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อช้างและสิ่งแวดล้อมด้วยการสร้างความตระหนักรู้เรื่องช้างแก่ประชาชนทั่วไป 

*****************************************************




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สทนช. รับลูก “รองนายกฯ ประเสริฐ” ประชุมศูนย์ส่วนหน้าฯ ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ และลุ่มน้ำยม - น่าน เน้นเตรียมพร้อมรับฝนหนักจากอิทธิพลพายุ “คาจิกิ”

  สทนช. รับลูก “รองนายกฯ ประเสริฐ” ประชุมศูนย์ส่วนหน้าฯ ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ และลุ่มน้ำยม - น่าน เน้นเตรียมพร้อมรับฝนหนักจากอิทธิพลพ...